คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีในวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ครบกำหนดยื่นคำให้การวันที่ 31 ตุลาคม 2518 จำเลยยื่นคำให้การเลยกำหนดจึงไม่รับคำให้การ และสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ นัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดเพราะจำเลยป่วยเป็นไข้ และจำวันรับหมายผิด จึงบอกวันรับหมายกับทนายผิดไป ทนายจึงยื่นคำให้การล่วงเลยกำหนดไป 1 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่าการบอกวันรับหมายผิดไม่ใช่ข้อแก้ตัวให้ยกคำร้อง จำเลยโต้แย้งคำสั่งไว้แล้ว ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ ไปตามนัด แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี เมื่อปรากฏตามใบรับหมายเรียกท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายว่า จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 25 ตุลาคม 2518 ซึ่งถ้าเป็นความจริง คำให้การที่จำเลยยื่นไว้ก็เป็นการยื่นในกำหนดเวลาตามกฎหมายและคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยก็อ้างเหตุเจ็บป่วย จึงมีเหตุสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและสั่งคำร้องของจำเลย แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าถางที่ปลูกข้าวโพดในที่ดินมือเปล่าของโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปห้ามเกี่ยวข้อง
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าครบกำหนดยื่นคำให้การวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘ จำเลยยื่นคำให้การเลยกำหนดจึงไม่รับคำให้การ ต่อมาได้สั่งตามคำร้องขอของโจทก์ว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดอ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัดจึงเพิ่งนำหมายเรียกและสำเนาฟ้องไปให้ทนายได้บอกกับทนายว่ารับหมายเรียกเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๘ เพราะจำวันผิดไป ทนายจำเลยจึงทำคำให้การยื่นล่วงเลยกำหนดไป ๑ วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าการบอกวันรับหมายผิดไปไม่เป็นข้อแก้ตัวได้ ได้ยกคำร้องและได้ทำการสืบพยานไปตามนัดจำเลยได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งไว้แล้ว ต่อมาแถลงไม่ติดใจสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทและห้ามเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การจำเลยคลาดเคลื่อน เพราะความจริงจำเลยรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๘ ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องหรือสั่งรับคำให้การของจำเลย แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีมีเหตุสมควรไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนมีคำสั่ง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของจำเลยแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๑๘ ต่อมาวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๑๙ ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าได้รับคำยืนยันจากจำเลยว่าได้รับหมายเรียกสำเนาคำฟ้องไว้เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๘ จึงได้ร่วมกันไปขอตรวจดูใบรับหมายเรียกที่จำเลยลงชื่อรับไว้ในสำนวนปรากฏว่าจำเลยรับไว้เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๘ จริง จึงยื่นคำร้องรวมสำนวนไว้เพื่ออุทธรณ์ต่อไป และต่อมาได้ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ภายในกำหนด ได้พิเคราะห์แล้วปรากฏตามใบรับหมายเรียกท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายว่า จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๘ ซึ่งถ้าเป็นความจริง คำให้การที่จำเลยยื่นไว้ก็เป็นการยื่นในกำหนดเวลาตามกฎหมาย และปรากฏตามคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยที่ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้อ้างเหตุนำหมายเรียกสำเนาคำฟ้องมาให้ทนายความทำคำให้การยื่นล่าช้าเพราะเหตุเจ็บป่วย ก็มีเหตุสมควรไต่สวนคำร้องของจำเลยตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและส่งคำร้องของจำเลย แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share