คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ข้อ 29.2 ระบุว่า ลูกจ้างที่ทำงานครบ 101/2 ปีขึ้นไป ให้คิดบำเหน็จและค่าชดเชยตามข้อบังคับเรื่องเงินบำเหน็จค่าชดเชยและเงินทดแทนข้อ 1(2)ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2526 โจทก์ทั้งหกทำงานมานานเกินกว่า101/2 ปีขึ้นไป จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องนำมาคำนวณได้แม้ข้อบังคับดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ลูกจ้างที่ทำงาน1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ครบ 3 ปี จำเลยจ่ายค่าชดเชยต่ำกว่าประกาศของกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46ก็ตาม ข้อบังคับในส่วนนี้ก็ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย และไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ทั้งหก เพราะโจทก์ทั้งหกทำงานมานานเกินกว่า 24 ปี สามารถคำนวณตามเกณฑ์ข้อบังคับการจ่ายเงินข้อ 29.2 ได้ เมื่อจำเลยจ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ทั้งหกตามข้อบังคับข้อ 29.2 ไปครบถ้วนแล้ว โจทก์ทั้งหกจึงเรียกเอาค่าชดเชยซ้ำอีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีทั้งหกสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน
โจทก์ทั้งหกสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นลูกจ้างของจำเลยจำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากเกษียณอายุ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งหก
จำเลยทั้งหกสำนวนให้การว่า จำเลยจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้โจทก์ทั้งหกรับไปแล้วเกินกว่าจำนวนเงินค่าชดเชยที่โจทก์แต่ละคนมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณา โจทก์ทั้งหกและจำเลยแถลงรับกันว่า โจทก์ทั้งหกได้รับเงินหลังจากหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 3 ไปแล้ว การคำนวณเงินบำเหน็จและค่าชดเชยคู่ความถือปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับสำหรับลูกจ้างของบริษัทจำเลยแล้วโจทก์ทั้งหกกับจำเลยต่างแถลงไม่สืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งหกทำงานไม่ต่ำกว่า 24 ปีขึ้นไป โจทก์ทั้งหกได้รับเงินบำเหน็จเป็นจำนวนเงินมากกว่า จำเลยจึงจ่ายทั้งเงินบำเหน็จและค่าชดเชยให้โจทก์ทั้งหกจากฐานคำนวณการได้เงินทั้งสองประเภทแตกต่างกัน โจทก์ทั้งหกได้รับเงินไปตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 3 ครบถ้วนแล้วเงินบำเหน็จมิใช่เงินที่กฎหมายบังคับให้นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายสูงกว่าจำนวนเงินค่าชดเชย ที่โจทก์ทั้งหกได้รับ ถือว่าโจทก์ทั้งหกได้รับเงินบำเหน็จและค่าชดเชยจากจำเลยแล้ว จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยอีก พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหก
โจทก์ทั้งหกสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามระเบียบข้อบังคับสำหรับลูกจ้างของจำเลยเอกสารหมาย ล.2 หน้า 17 ข้อ 29 การปลดเกษียณ บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ ข้อ 29.1 ได้ระบุอัตราค่าชดเชยไว้และระบุใน (2) ว่าทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปีจ่าย 90 วัน และข้อ 29.2 ระบุว่าลูกจ้างที่ทำงานครบ 10 1/2 ปีขึ้นไปให้คิดบำเหน็จและค่าชดเชยตามข้อบังคับเรื่อง เงินบำเหน็จค่าชดเชยและเงินทดแทนข้อ 1 (2) ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2526ซึ่งตรงกับเอกสารข้อบังคับที่โจทก์ทั้งหกอ้างส่งศาลและโต้แย้งคำสั่งศาลแรงงานกลางไว้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ทั้งหกทำงานมานานเกินกว่า 10 1/2 ปีขึ้นไปจึงอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องนำมาคำนวณได้โจทก์ทั้งหกไม่อยู่ในข่ายทำงาน 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ครบ 3 ปีแม้ข้อบังคับของจำเลย ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2526 ลูกจ้างทำงาน1 ปีขึ้นไปแต่ไม่ครบ 3 ปี มีข้อความระบุว่าจำเลยจ่ายค่าชดเชยต่ำกว่าประกาศของกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 ก็ตาม ระเบียบข้อบังคับดังกล่าวของจำเลยในส่วนนั้นก็ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย และก็ไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ทั้งหกแต่ประการใด เพราะโจทก์ทั้งหกทำงานมานานเกินกว่า 24 ปี สามารถคำนวณตามเกณฑ์ข้อบังคับการจ่ายเงินเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 29.2 ได้จำเลยได้จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ทั้งหกรวมกันมาตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 3 แล้ว ซึ่งเป็นการจ่ายตามข้อบังคับข้อ 29.2 โดยแยกเป็นค่าชดเชยและเงินบำเหน็จตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดว่า โจทก์ทั้งหกได้รับเงินค่าชดเชยไปจากจำเลยครบถ้วนแล้วจึงเรียกเอาซ้ำอีกไม่ได้
พิพากษายืน

Share