คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทราบถึงการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนการยึดไปแล้ว ซึ่งโจทก์จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลที่ทำการบังคับคดีไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่โจทก์ทราบการฝ่าฝืนนั้น เพื่อขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด อันเป็นกระบวนวิธีการบังคับคดีที่ไม่ชอบหรือฝ่าฝืนกฎหมายนั้นเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 แต่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น กลับมายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ผิดขั้นตอนของลำดับชั้นศาล ดังนั้นโจทก์จะใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาหาได้ไม่ ส่วนการขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งถูกเพิกถอนการยึดไปแล้วเป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ เป็นเรื่องของผู้มีส่วนได้เสียจะไปว่ากล่าวเอาต่างหาก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดมีนบุรี ยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 รวม 7 รายการ (บังคับคดีแทนศาลแพ่ง)ต่อมาปรากฏว่ารายการทรัพย์ที่ยึดไปอันดับที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นั้นโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 384/2528 ของศาลจังหวัดมีนบุรียึดไว้ก่อนแล้ว โจทก์คดีนี้จึงแถลงขอยกเลิกการยึดทรัพย์ตามรายการทรัพย์ที่ยึดไว้อันดับที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ดังกล่าวศาลจังหวัดมีนบุรีอนุญาต แต่ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ทั้งเจ็ดรายการดังกล่าวรวมกันคือที่ดินโฉนดที่ 11681พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยติดจำนองซึ่งมีทรัพย์ตามรายการทรัพย์ที่ยึดไว้อันดับที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ที่ได้ถอนการยึดไปแล้วรวมอยู่ด้วยนางสาวจุฑามาศ ปานเจียมตัว ผู้ซื้อทรัพย์ให้ราคาสูงสุด 350,000บาท โจทก์คัดค้านว่าราคายังต่ำไปเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงรายงานศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อขอคำสั่ง ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งว่า”ขายโดยติดจำนอง” ซึ่งคิดถึงวันนี้หนี้จำนองไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทฉะนั้นจึงอนุญาตให้ขายได้
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีทำสัญญาซื้อขายให้ผู้ซื้อทรัพย์ลงชื่อ ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ท้ายสัญญาผู้ซื้อจะต้องนำเงินที่จำเลยเป็นหนี้จำนองทั้งหมดมาชำระภายใน 15 วันเป็นเงื่อนไขที่ไม่ชอบ เพราะไม่ได้กำหนดไว้ในประกาศขายทอดตลาดครั้งนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิกำหนดเงื่อนไขขึ้นใหม่ขอศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกเงื่อนไขดังกล่าวออกจากสัญญาซื้อขาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สอบเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แจ้งว่าขณะทำสัญญาซื้อขายได้อธิบายเงื่อนไขข้อกำหนดต่างๆ ให้ผู้ซื้อทรัพย์ฟังจนเข้าใจดีแล้ว จึงให้ลงชื่อและเจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขได้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบ ขอให้เพิกถอน ส่วนผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์ขอให้ยกเลิกเงื่อนไขที่ให้ผู้ซื้อทรัพย์ชำระหนี้จำนองภายใน 15 วัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายทรัพย์ที่กำหนดให้ผู้ซื้อชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้รับจำนองภายใน 15 วันค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ยกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทราบถึงการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดโดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดี ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2532 อันเป็นวันขายทอดตลาดซึ่งโจทก์ได้คัดค้านในวันดังกล่าวว่าขายต่ำไปหรืออย่างน้อยในวันที่22 มิถุนายน 2532 อันเป็นวันที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งโจทก์จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลที่ทำการบังคับคดีไม่ว่าเวลาใด ๆก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่โจทก์ทราบการฝ่าฝืนนั้น เพื่อขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด อันเป็นกระบวนวิธีการบังคับคดีที่ไม่ชอบหรือฝ่าฝืนกฎหมายนั้นเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296แต่โจทก์ก็มิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนวิธีการบังคับคดีที่โจทก์เห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเสียภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กลับมายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ผิดขั้นตอนของลำดับชั้นศาล ดังนั้น โจทก์จะใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาหาได้ไม่ส่วนการขายทอดตลาดทรัพย์อันดับที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งถูกเพิกถอนการยึดไปแล้วเป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ เป็นเรื่องของผู้มีส่วนได้เสียจะไปว่ากล่าวเอาต่างหาก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์มานั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share