คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การส่งคำบังคับโดยวิธีอื่นแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคหนึ่ง นั้น พนักงานเดินหมาย ผู้ส่งคำบังคับจะต้องทำการปิดคำบังคับไว้ ณ บริษัทจำเลย ในที่แลเห็นได้ง่ายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น การส่งให้ พนักงานบริษัทจำเลยรับไว้มิใช่เป็นการปิดคำบังคับในที่แลเห็นได้ง่ายตามกฎหมาย การส่งคำบังคับในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจึงยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ อาคาร ท. มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริษัทดำเนินกิจการอยู่ในอาคารดังกล่าวประมาณ 10 บริษัท บริษัทจำเลยมีที่ทำการอยู่ชั้นที่ 7 และ 8 ลูกค้าที่จะติดต่อต้องติดต่อที่ชั้นที่ 8ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ ให้จำเลยนั้น เมื่อพนักงานส่งหมายไปถึงอาคาร ท.เข้าใจว่าทั้งอาคารเป็นของบริษัทจำเลยจึงได้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารชั้นล่างการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ดี การปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ ก็ดี พนักงานเดินหมายได้ปิดไว้ที่หน้าอาคารชั้นล่าง ไม่ใช่ ที่ทำการของบริษัทจำเลย อาคาร ท. เป็นที่ทำการของบริษัทอื่นอีกประมาณ 10 บริษัท ย่อมมีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร หมายเรียก และหมายนัดอาจหลุดหายไปก่อนที่จำเลยจะได้ทราบข้อความ ดังนี้การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลย จึงมิได้เป็นไปโดยจงใจและมีเหตุอันสมควรให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล พร้อมทั้งค่าเงินเพิ่มคำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน 455,038.20 บาทและค่าเงินเพิ่มอากรขาเข้าอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้ารวม 182,186 บาท เป็นรายเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีอากรจำนวน 455,038.20 บาท และเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้าจำนวน 97,350 บาท และ 84,836 บาท นับแต่วันที่ 13, 22 ตุลาคม 2539 ตามลำดับจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์ รวมทั้งคำบังคับของศาล เนื่องจากพนักงานเดินหมายของศาลมิได้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบ ณ อาคารทาโซส ชั้นที่ 7 และ 8 ซึ่งเป็นสถานที่ทำการแห่งใหญ่ของจำเลย จำเลยทราบว่าถูกโจทก์ทั้งสองฟ้องเมื่อโจทก์ที่ 1 ส่งหนังสือแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง โดยจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2541 จำเลยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง หากจำเลยได้ต่อสู้คดีจำเลยอาจชนะคดีโจทก์ได้
โจทก์ทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าหน้าที่ของศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหมายนัดสืบพยานโจทก์ และคำบังคับของศาลโดยวิธีปิดไว้ ณ เลขที่ 1675 อาคารทาโซส ชั้นที่ 7 และ 8 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาและสถานที่ทำการแห่งใหญ่ของจำเลยตามคำสั่งศาลโดยชอบแล้ว จำเลยขาดนัดโดยจงใจและมายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่พ้นกำหนดเวลาแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขอให้พิจารณาใหม่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่า การส่งคำบังคับของพนักงานเดินหมายชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่า การปิดคำบังคับมิได้ปิดที่ภูมิลำเนาจำเลยซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 1675 อาคารทาโซส ชั้นที่ 7 และ 8 ถนนจันทร์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาธร กรุงเทพมหานคร นายสรวุฒิ นิลโสภา พนักงานเดินหมายของศาลภาษีอากรกลางเบิกความว่า จำไม่ได้ว่าชั้นที่เท่าใด วิธีปิดคำบังคับจะไม่ปิดไว้ที่ประตูหรือรั้วให้เป็นที่เอิกเกริกแต่จะส่งหมายให้บุคคลรับไว้และจะถือว่าเป็นการปิดหมายตามกฎหมายเช่นนี้ การปิดคำบังคับจึงมิได้ปิดที่ภูมิลำเนาจำเลยถือไม่ได้ว่ามีการส่งคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าการส่งคำบังคับในคดีนี้นั้น นายสรวุฒิพยานโจทก์ผู้ทำหน้าที่ส่งคำบังคับเบิกความว่า เมื่อพยานไปถึงอาคารทาโซส ได้ขึ้นลิฟท์ไปยังอาคารชั้นบน จำไม่ได้ว่าชั้นที่เท่าใด ออกจากลิฟท์จะพบบริษัทจำเลย พบพนักงานจำได้ว่าเป็นผู้หญิง สอบถามถึงผู้จัดการได้รับแจ้งว่าไม่อยู่ พยานแจ้งว่าได้นำคำบังคับมาส่งแต่พนักงานคนดังกล่าวไม่ยอมรับ พยานจึงได้ปิดคำบังคับทางปฏิบัติในการปิดคำบังคับของพยานไม่ว่าส่งให้แก่ภาครัฐหรือเอกชน กรณีพบบุคคลที่จะรับหมายไว้แทนได้ พยานจะไม่ปิดไว้ที่ประตูหรือรั้วให้เป็นที่เอิกเกริก เนื่องจากเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่ตกเป็นผู้รับหมายและส่งหมายให้แก่บุคคลดังกล่าวรับไว้และจะถือว่าเป็นกรณีปิดหมายตามกฎหมาย จากคำเบิกความของนายสรวุฒิดังกล่าว แม้จะเบิกความว่า ได้ขึ้นลิฟท์ ยังอาคารชั้นบนจำไม่ได้ว่าชั้นที่เท่าใดก็ตาม แต่ก็เบิกความต่อไปว่าออกจากลิฟท์ พบบริษัทจำเลยสอบถามถึงผู้จัดการแจ้งว่าไม่อยู่ แสดงว่านายสรวุฒิไปถึงบริษัทจำเลยตามภูมิลำเนาแล้วปัญหาต่อไปมีว่า การปิดคำบังคับดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ข้อเท็จจริงรับฟังได้จากคำเบิกความของนายสรวุฒิมิได้ปิดบังคับไว้ หากแต่ส่งคำบังคับให้พนักงานรับไว้แล้วถือว่าเป็นกรณีปิดคำบังคับตามกฎหมาย เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคหนึ่ง บัญญัติถึงการส่งคำคู่ความหรือเอกสารโดยวิธีอื่นแทนไว้ว่า “ปิดคำคู่ความหรือเอกสารไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการของคู่ความ” ดังนั้นการส่งคำบังคับในกรณีนี้ พนักงานเดินหมายผู้ส่งคำบังคับจะต้องทำการปิดคำบังคับไว้ ณ บริษัทจำเลยในที่แลเห็นได้ง่ายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น การส่งให้พนักงานบริษัทจำเลยรับไว้มิใช่เป็นการปิดคำบังคับในที่แลเห็นได้ง่ายตามกฎหมายการส่งคำบังคับในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจึงยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาใหม่โดยเห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องพ้นกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่ง นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาส่วนปัญหาที่ว่ามีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียว พิเคราะห์คำร้องขอให้พิจารณาใหม่แล้ว จำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้วทางไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของนายไพศาล ลีนะวัฒน์ กรรมการบริหารบริษัทจำเลยว่า อาคารทาโซสมีทั้งหมด 9 ชั้นมีบริษัทดำเนินกิจการอยู่ในอาคารดังกล่าวประมาณ 10 บริษัท บริษัทจำเลยมีที่ทำการอยู่ชั้นที่ 7 และ 8 ลูกค้าที่จะติดต่อต้องติดต่อที่ชั้นที่ 8 บริษัทจำเลยทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อได้รับหนังสือซึ่งแนบสำเนาหมายบังคับคดีจากสำนักกฎหมายกรมศุลกากรในวันที่ 27 พฤษภาคม 2541 บริษัทจำเลยไม่เคยได้รับหมายในคดีนี้เลย และได้ความจากนายสรวุฒิ ผู้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องครั้งแรกว่า พยานขึ้นลิฟท์อาคารทาโซส ไปส่งที่ที่ทำการบริษัทจำเลย พบพนักงานบริษัทจำเลยแต่ไม่ยอมรับหมายพยานจึงกลับมาทำรายงานการส่งหมายต่อศาลภาษีอากรกลางว่าส่งหมายไม่ได้ กับได้ความจากนายปิยะ ทิพกัน พนักงานเดินหมายของศาลภาษีอากรกลางอีกคนหนึ่งว่า พยานไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง รวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งศาลภาษีอากรกลางสั่งว่า ถ้าไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย ในการไปส่งหมายพยานไปถึงอาคารทาโซส เข้าใจว่าทั้งอาคารเป็นของบริษัทจำเลยซึ่งมีชื่อทาโซสเช่นเดียวกัน พยานได้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารชั้นล่าง เห็นได้ว่า การปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ดี การปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ก็ดี พนักงานเดินหมายได้ปิดไว้ที่หน้าอาคารชั้นล่างไม่ใช่ที่ทำการของบริษัทจำเลย อาคารทาโซสเป็นที่ทำการของบริษัทอื่นอีกประมาณ 10 บริษัท ย่อมมีผู้คนพลุกพล่านพอสมควรหมายเรียกและหมายนัดอาจหลุดหายไปก่อนที่จำเลยจะได้ทราบข้อความการขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยจึงมิได้เป็นไปโดยจงใจและมีเหตุอันสมควรให้พิจารณาใหม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share