คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญากันไว้มีข้อความชัดเจนว่า จำเลยยอมคืนที่ดินและห้องเลขที่ 179 ให้แก่เด็กหญิงนงเยาว์ แล้วจำเลยกลับประกาศจะขายฝากทรัพย์รายนี้แก่ผู้อื่น และอ้างว่าจะยอมคืนให้ต่อเมื่อเด็กหญิงนงเยาว์บรรลุนิติภาวะนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องได้

ย่อยาว

ความว่า ที่ดินแลห้องเลขที่ ๑๗๙ พิพาท เดิมเป็นของนางโปลั้งภรรยาโจทก์ ภรรยาโจทก์ตายจึงเป็นมฤดกตกแก่เด็กหญิงนงเยาว์บุตรโจทก์กับนางโปลั้ง โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่จำเลยเป็นราคา ๒๑๘๓ บาท และโจทก์รับเงินไปหมดแล้ว จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทแก่ยังมิได้ทำการโอนซื้อขายกัน ต่อมาจำเลยต้องการกู้เงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยยอมให้ห้องแถวเลขที่ ๑๖๙ ของจำเลยเป็นประกัน และยอมคืนที่ดินและห้องที่พิพาทให้แก่เด็กหญิงนงเยาว์ โจทก์จึงให้จำเลยกู้เงินไป ต่อมาจำเลยกลับเอาที่พิพาทไปขายฝากผู้อื่นเสีย จึงขอให้จำเลยรับเงิน ๒๑๘๓ บาทจากโจทก์และคืนห้อง และที่ดินให้โจทก์ จำเลยให้การว่า สัญญาจะคืนที่ดินและห้องแถวนั้น จำเลยจะคืนต่อเมื่อเด็กหญิงนงเยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว และการที่จำเลยเอาไปขายฝากเพื่อเอาเงินมาลงทุนสร้างตลาดเพื่อประโยชน์แก่เด็ก และจะรีบไถ่ถอน จำเลยมิได้ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจไปทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์เด็ก โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล การที่โจทก์ทำสัญญาขายฝากให้แก่จำเลย จึงเป็นโมฆะ และการซื้อขายก็ทำกันเอง ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ถูกแบบตามที่กฎหมายบังคับไว้ จึงเป็นโมฆะ และสัญญาคืนที่ดินก็ไม่มีข้อความว่าจะคืนต่อเมื่อเด็กหญิงนงเยาว์บรรลุนิติภาวะ การที่จำเลยไปเสนอขายฝากผู้อื่น แสดงเจตนาว่าจำเลยตั้งใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับได้ พิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินและห้องพิพาทให้แก่โจทก์ในเมื่อโจทก์คืนเงิน ๒๑๘๓ บาทให้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้มีข้อความชัดเจนว่า จำเลยยอมคืนที่ดินและห้องแถวเลขที่ ๑๗๙ ให้แก่เด็กหญิงนงเยาว์ แล้วจำเลยกลับประกาศขายฝากทรัพย์รายนี้ และอ้างว่าจะยอมคืนให้ต่อเมื่อเด็กหญิงนงเยาว์บรรลุนิติภาวะนั้น ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องได้
พิพากษายืน

Share