คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ถือว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2, 3, 5 ซึ่งรับราชการเป็นตำรวจประจำอยู่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้สมคบกันกับจำเลยที่ 1, 4 กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือเมื่อระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 17 กรกฎาคม 2488 ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 18 กรกฎาคม 2488 อันเป็นเวลากลางคืน ได้มีคนร้ายลักยางนอกและยางในรถยนต์อย่างละเส้น กับล้อรถยนต์ 1 อันรวมราคา 1,500 บาทของนายเจียฮวดไป ตามวันเวลาที่กล่าวแล้วจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2488 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1, 2, 3 กับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้ ได้บังอาจรับทรัพย์ที่กล่าวนั้นไว้ในครอบครอง ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกสมคบกันลักมาหรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกได้รับไว้โดยรู้เป็นของร้าย และในวันที่ 18 นั้น จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนผู้กระทำผิดกฎหมาย จำเลยได้สืบสวนและรู้แน่ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์หรือรับของโจรรายนี้แทนที่จำเลยจะจัดการไปตามหน้าที่ จำเลยกลับบังอาจเพทุบายโดยเจตนาที่จะช่วยเหลือจำเลยที่ 1 กับพวกมิให้ต้องรับอาญาโดยที่จำเลยมิได้จับกุมจำเลยที่ 1 และทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 กับพวกแต่กลับสมคบกับจำเลยที่ 1, 4 เรียกค่าไถ่ทรัพย์รายนี้จากนายเจียฮวดเจ้าทรัพย์เป็นราคาทรัพย์ 1,300 บาท และจำเลยได้รับเงินส่วนแบ่ง 150 บาททั้งนี้เป็นเครื่องอุปการะแก่การที่จำเลยให้คุณหรือให้โทษแก่จำเลยที่ 1 กับพวก ในวันที่ 18 เดือนเดียวกันเวลากลางวัน จำเลยที่ 4, 5 สมคบกับจำเลยที่ 1 มีทรัพย์ของนายเจียฮวดไว้ในครอบครองโดยว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย แล้วสมคบกันเรียกค่าไถ่จากนายเจียฮวดเป็นเงิน 1,300 บาท เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย จึงขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 321, 137, 138, 142, 146, 63, 70, 71

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานรับของโจรจำเลยที่ 1, 4, 5 นั้นยืน

นายขันธ์ จำเลยที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้ออ้างของจำเลยที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าฟ้องของโจทก์มีข้อความขัดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้แล้ว ไม่เคลือบคลุมและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share