คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514-516/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทอยู่ในเขตที่สงวนรัฐบาลฝรั่งเศส แต่ราษฎรเข้าอยู่ เมื่อดินแดนส่วนนั้นตกมาเป็นของไทยแล้ว ผู้ครอบครองโอนให้จำเลยหากผู้ครอบครองเดิมรับตราจองมาแล้วโอนขายให้ผู้ใดโดยผู้ซื้อรู้ความจริงแล้ว ผู้ซื้อย่อมไม่ได้สิทธิในที่ดิน

ย่อยาว

ได้ความว่า เดิมที่พิพาทเป็นที่ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสสงวนไว้นายแฮมจำเลยกับราษฎรอื่นได้เข้าปกครองมาส่วนนางนีฮายนายยินได้ขอต่อผู้ใหญ่บ้านแล้วปลูกเรือนอยู่มาจนจังหวัดพระตะบองตกเป็นของไทย พ.ศ. 2487 นางนีฮายขายที่ให้แม่ยายนายโมวจำเลย ต้น พ.ศ. 2488นายยินขายให้นางเมาเกียง ต่อมานางนีฮายนายยินได้ขอตราจองโดยโจทก์ช่วยเหลือ เมื่อได้ตราจองแล้วโอนขายให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นโจทก์จึงมาฟ้องขอให้ขับไล่จำเลย

ศาลจังหวัดพระตะบองยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้นางนีฮายและนายยินขายที่ให้จำเลย แต่จำเลยมิได้คัดค้านจนเจ้าพนักงานออกตราจองให้คนทั้งสองนั้น แล้วโอนขายให้โจทก์ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรค 2 จำเลยสืบไม่ได้ว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างไร จึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า พฤติการณ์แสดงว่านายนีฮายและนายยินสละการครอบครองแล้ว โจทก์รู้ดีแล้วยังช่วยเหลือให้จับจอง แล้วรับซื้อการได้มาไม่สุจริต จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

Share