คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดฐานเป็นเด็ก 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาทโทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่าเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษเท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายฮี้โจทก์ร่วมมีบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256

จำเลยทั้ง 2 ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256 จำคุกนายสหัส 2 ปี นายสังวาลย์ 2 ปี 6 เดือน แต่นายสังวาลย์มีอายุ 19 ปี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือนนายสหัสเคยต้องโทษมาแล้ว เพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 เป็นโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือนกับให้เอาโทษที่รอไว้ 1 เดือนมาบวกเข้าอีกเป็นโทษจำคุก 2 ปี 9 เดือน

จำเลยทั้ง 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นายสหัสจำเลยผิดตามมาตรา 254 จำคุก 15 วันปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วันปรับ 160 บาท โทษจำให้ยกเสีย นายสังวาลย์จำเลยผิดตามมาตรา 256 แต่ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 1 ปี ให้รอการลงอาญาไว้ 3 ปี

อัยการและโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีการับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ และคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน

Share