แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 16 มกราคม 2532 ขอให้ผู้พิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และมีคำสั่งไม่รับฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาอีกฉบับหนึ่งลงวันที่ 18 มกราคม2532 ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งจำเลยเคยขอให้ศาลอนุญาตให้ฎีกามาครั้งหนึ่งแล้ว และศาลไม่อนุญาตเป็นฎีกาต้องห้าม ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 18 มกราคม 2532มีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยื่นมานั้นเป็นสาระสำคัญที่ควรเสนอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยหากมิได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาจะทำให้จำเลยต้องเสียอนาคตทั้งที่เป็นเพียงความผิดเล็กน้อย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 43)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ริบของกลาง
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาอนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตและไม่รับฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 18มกราคม 2532 อีกฉบับหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 39,38,40)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 41) โดยศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์คำสั่งคัดค้านคำสั่งของผู้พิพากษาที่ไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ไม่รับเป็นคำร้องอุทธรณ์ คำสั่งที่ไม่รับฎีกา
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อ 2 ก. ที่ขอให้รอการลงโทษนั้นเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ส่วนฎีกาของจำเลยข้อ 2 ข. ที่ว่า แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแต่ฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน มิได้ระบุว่าจัดเพื่อผลประโยชน์แห่งตนอย่างไรนั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง