แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำหรับที่ดินมือเปล่าที่มีสภาพเป็นที่บ้านที่สวนนั้น จำเลยจะยกการครอบครองปรปักษ์มาต่อสู้ได้ ก็ต่อเมื่อได้ครอบครองถึง 10 ปีแล้ว ถ้าครอบครองยังไม่ถึง 10 ปีก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์
ทำหนังสือว่ายกที่ดินให้จำเลย แต่มีความต่อไปว่าจำเลยให้เงินตอบแทน 800 บาท ดังนี้เป็นการซื้อขาย ไม่ใช่พินัยกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ 7 ปีมาแล้ว บิดาโจทก์กู้เงินจำเลยไป 700 บาท มอบที่นาที่สวนให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย บัดนี้บิดาโจทก์ตาย โจทก์ขอไถ่ จำเลยไม่ยอม
จำเลยต่อสู้ว่าบิดาโจทก์ขายที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย จำเลยครอบครองมา 7 ปีแล้ว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ขายที่พิพาทให้แก่จำเลยการซื้อขายทำหนังสือกันที่บ้านกำนัน หาได้จดทะเบียนซื้อขายต่ออำเภอไม่ จำเลยครอบครองที่พิพาทมาได้ 7 ปีเศษ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การซื้อขายใช้บังคับไม่ได้ แต่สำหรับที่นา บิดาโจทก์ได้มอบการครอบครองให้แก่จำเลยเป็นสิทธิขาดแล้วจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโดยการปกครอง โจทก์เรียกคืนไม่ได้
แต่ส่วนที่สวนพิพาท แม้จะเป็นที่มือเปล่าเหมือนกันแต่มีสภาพเป็นที่บ้านที่สวน จำเลยจะต้องครอบครองปรปักษ์ถึง 10 ปี แต่จำเลยครอบครองได้เพียง 7 ปีเศษเท่านั้น โจทก์จึงเรียกคืนได้ พิพากษาให้คืนเฉพาะที่สวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับที่ดินมือเปล่าที่มีสภาพเป็นที่บ้านที่สวนนั้น จำเลยจะยกการครอบครองปรปักษ์มาต่อสู้ได้ก็ต่อเมื่อได้ครอบครองถึง 10 ปี แต่เรื่องนี้จำเลยครอบครองมาเพียง 7 ปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ พิพากษายืน