คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กระทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีดังนี้ แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามมาตรา 254ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกระทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง2 ฐาน ก็ชอบจะฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันฆ่านายเทียมตาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 สำนวนหนึ่ง กับฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายว่อนบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 256 อีกสำนวนหนึ่ง แล้วขอให้รวมพิจารณา จำเลยไม่คัดค้านศาลจึงอนุญาตระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 ตาย คดีจึงระงับเฉพาะตัวจำเลยที่ 3

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานสมคบกันฆ่านายเทียมตาย และทำร้ายร่างกายนายว่อนถึงบาดเจ็บ พิพากษาลงโทษตามมาตรา 249, 254, 63 ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลยไว้คนละ 15 ปี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1-2 ฎีกาขอให้ยกฟ้องทั้งสองสำนวน

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปี ก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกระทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่า ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 หรือ 220 เมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง 2 ฐานเช่นนี้ ก็ชอบจะฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 2 มาตรานั้น

ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังว่า จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวทำร้ายร่างกายนายว่อน นอกนั้นฟังไม่ได้ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายจรูญจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 254 มีกำหนด2 ปี ข้อหาโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย ปล่อยจำเลยที่ 2 ไป

Share