แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยสั่งจ่ายเช็ค 3 ฉบับ ลงวันที่สั่งจ่ายต่างกัน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันที่ 30มิถุนายน 2529 ครั้งหนึ่งและปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 3ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2529 อีกครั้งหนึ่ง แม้ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันเดียวกันก็ต้องถือว่าจำเลยกระทำความผิดในการออกเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2ต่างกรรม ต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยในการออกเช็ค 3 ฉบับจึงเป็นความผิด 3 กระทง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 8 เดือน รวม 3 กระทง ต้องกำหนดโทษเป็นจำคุก 24 เดือน ไม่ใช่ 2 ปี เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 เดือน ไม่ใช่ 1 ปีเพราะการวางโทษจำคุกเป็นปี ทำให้จำเลยเสียเปรียบต้องรับโทษมากกว่าการวางโทษจำคุกเป็นเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 3 กระทงให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก1 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า แม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็ค3 ฉบับ แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเพียง 2 ครั้ง โดยปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันที่ 30มิถุนายน 2529 ครั้งหนึ่งและปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ฉบับที่ 3ในวันที่ 16 กรกฏาคม 2529 อีกครั้งหนึ่ง จึงถือว่าจำเลยกระทำความผิดเพียง 2 กรรมนั้น เห็นว่า แม้ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันเดียวกันคือวันที่ 30 มิถุนายน 2529 ก็ต้องถือว่าจำเลยกระทำความผิดในการออกเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ต่างกรรมต่างวาระกัน ทั้งนี้เพราะจำเลยมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ ทั้งการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับก็แยกจากกันได้ ดังจะเห็นได้ว่าธนาคารตามเช็คทำใบคืนเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 แยกต่างหากจากกันเป็น 2 ฉบับ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 และ 4 การกระทำของจำเลยในการออกเช็ค 3 ฉบับตามฟ้องจึงเป็นความผิด 3 กระทง หาใช่ 2 กระทง ดังข้ออ้างของจำเลยไม่
ที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า หากศาลลงโทษจำเลยกระทงละ 8 เดือนรวม 3 กระทง ก็ควรกำหนดโทษเป็นจำคุก 24 เดือน ไม่ใช่ 2 ปีเมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ก็ควรกำหนดโทษจำคุกเป็น 12 เดือน ไม่ใช่ 1 ปี เพราะการวางโทษเป็นปีทำให้จำเลยเสียเปรียบเนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21วรรคสองบัญญัติว่า ถ้าระยะเวลาที่คำนวณนั้นกำหนดเป็นเดือน ให้นับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน ถ้ากำหนดเป็นปี ให้คำนวณตามปีปฏิทินในราชการ ฉะนั้นการนับจำนวนวันในหนึ่งปีจึงเท่ากับ 365 วัน แต่การนับจำนวนวันใน 1 เดือน เท่ากับ 30 วัน กำหนดโทษ 12 เดือนคิดเป็นจำนวนวันจึงเท่ากับ 360 วัน นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 8 เดือน รวม 3 กระทงคงจำคุก 24 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 12 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์