แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้รับฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531โดยส่งหมายแจ้งวันนัดให้ทนายจำเลยทราบโดยชอบแล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วตั้งแต่วันที่ศาลอ่าน การที่ทนายจำเลยไม่ได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบไม่ใช่เหตุที่จะมาอ้างได้เพราะทนายความย่อมเป็นคู่ความด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) อยู่แล้ว เมื่อนับถึงวันนี้เป็นเวลาเกิน1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่อาจรับฎีกาของจำเลยได้ ให้ยกคำร้องและสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจำเลยเห็นว่า ลำพังเพียงแต่ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วไม่ไปศาลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วตามกฎหมาย เพราะจำเลยยังไม่ได้ทราบและไม่ได้รับแจ้งจากทนายจำเลยให้ไปศาลในวันดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยเพิ่งทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2532 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าพนักงานศาลไปส่งคำบังคับให้จำเลย ดังนั้น เมื่อนับจากวันที่ 21 มกราคม 2532จนถึงวันที่จำเลยยื่นฎีกายังอยู่ในระยะเวลาที่จะยื่นฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 174)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากอาคารพิพาทของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1174 ตำบลเกาะยาวน้อยกิ่งอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา และส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาคารพิพาทอีกต่อไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินเดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารดังกล่าวเสร็จสิ้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้รับฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 152,151)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 157)
คำสั่งศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน2531โดยส่งหมายแจ้งวันนัดให้ทนายจำเลยทราบโดยชอบแล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ทนายจำเลยไม่ได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบ ไม่ใช่เป็นเหตุที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย จำเลยยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ