แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฎีกาของจำเลยที่กล่าวแต่เพียงว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงให้เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนในข้อใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบมาตรา 225 คำแถลงการณ์ประกอบฎีกาที่จำเลยยื่นต่อศาลฎีกา มิใช่ส่วนหนึ่งของฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบของกลาง จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรีจำคุกคนละ 20 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน ของกลางริบ จำเลยที่ 1ที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1, ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง 340 ตรีประกอบด้วยมาตรา 83 ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจำเลยที่ 3 ขอฎีกาคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลฎีกา จำเลยจะยื่นคำแถลงการณ์ประกอบฎีกาต่อไปนั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 3 เพียงแต่กล่าวว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเท่านั้นมิได้ระบุว่าข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่อ้างอิงให้เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนในข้อใด แม้ต่อมาจำเลยที่ 3 จะยื่นคำแถลงการณ์ต่อศาลฎีกาก็ตาม แต่คำแถลงการณ์ก็หาได้เป็นส่วนหนึ่งของฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 3