คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7887/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ชอบที่ยื่นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในเวลาใดก็ได้ก่อนศาลนั้นพิพากษา การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษาคดีไปแล้วย่อมเป็นการล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ ส่วนการที่จำเลยที่ 3ที่ 4 ขอถอนอุทธรณ์ อ้างว่าตนตกลงกับโจทก์ได้แล้วและโจทก์แถลงไม่คัดค้านการถอนอุทธรณ์ ย่อมมีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ถอนอุทธรณ์ได้
ข้อกำหนดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ อนุญาตให้คู่ความใช้วิธีบันทึกถ้อยคำแทนการนำตัวพยานซึ่งอยู่ต่างประเทศเสนอต่อศาลอยู่แล้ว การส่งประเด็นไปสืบพยานบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนและใช้เวลานาน เมื่อจำเลยที่ 5 มีความประสงค์จะสืบตัวจำเลยที่ 3 เป็นพยานอีกเพียงปากเดียวแต่มิได้แสดงเหตุผลถึงความเป็นเป็นพิเศษในการที่จะขอส่งประเด็นไปสืบตัวจำเลยที่ 3ที่ดินแดนไต้หวันที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นและงดสืบพยานจำเลยที่ 5 จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับโอนมาจากศาลจังหวัดลำพูน และมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้ากับสำนวนคดีหมายเลขดำที่ กค. 19/2541 และคดีหมายเลขดำที่ กค. 76/2541 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง แต่คดีทั้งสองสำนวนดังกล่าว คู่ความมิได้อุทธรณ์คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะสำนวนคดีนี้

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันนำชื่อทางการค้า ชื่อบริษัทผู้ผลิตสินค้าของโจทก์เป็นภาษาจีนซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วไปใช้ในกล่องบรรจุสินค้าและเอกสารคำแนะนำภายในกล่องซุปไก่สกัดของจำเลยที่ 1 ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ผลิต เป็นเหตุให้ผู้บริโภคหรือผู้อื่นเข้าใจผิดทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 42,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่าบอนแบคและรูปไก่ดำ โดยจดทะเบียนที่ไต้หวัน โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ไต้หวัน โจทก์ไม่มีความเสียหายใด ๆ ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซุปไก่สกัดและผลิตภัณฑ์อื่นที่ทำมาจากเนื้อไก่ภายใต้ชื่อและยี่ห้อสินค้าตราบอนแบคและไม่ใช่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายรูปไก่ดำก็เป็นเพียงสิ่งสามัญทั่วไปในทางการค้าขายกับสินค้าซุปไก่สกัดหรืออาหารที่ทำมาจากเนื้อไก่ จึงไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ไม่เคยผลิตสินค้าซุปไก่สกัดอันเป็นการปลอมปนเลียนแบบส่วนผสมและวิธีการบรรจุคล้ายกับเครื่องหมายหรือสินค้าของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 4,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5ร่วมรับผิดชำระเงินดังกล่าวในวงเงิน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ห้ามจำเลยที่ 1 และที่ 2 เกี่ยวข้องกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์อีกต่อไปคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 อ้างว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4ได้ชำระหนี้ในส่วนของตนให้แก่โจทก์แล้ว โดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 ลงลายมือชื่อมาท้ายคำร้องแถลงไม่คัดค้านการถอนฟ้อง และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์อ้างว่าตกลงกับโจทก์ได้แล้ว โดยโจทก์ลงลายมือชื่อมาท้ายคำร้อง แถลงไม่คัดค้านการถอนอุทธรณ์

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”สำหรับคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์นั้น โจทก์ชอบที่ยื่นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในเวลาใดก็ได้ก่อนศาลนั้นพิพากษา การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาคดีไปแล้ว ย่อมเป็นการล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ถอนฟ้องได้จึงให้ยกคำร้องขอถอนฟ้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ ส่วนการที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์อ้างว่าตกลงกับโจทก์ได้แล้ว และโจทก์แถลงไม่คัดค้านการถอนอุทธรณ์คดีย่อมมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยที่ 3 ที่ 4ถอนอุทธรณ์ ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 ออกจากสารบบความของศาลฎีกาคดีจึงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเฉพาะอุทธรณ์ของจำเลยที่ 5 ต่อไป

จำเลยที่ 5 อุทธรณ์ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบจำเลยที่ 3 ที่ดินแดนไต้หวัน และมีคำสั่งให้งดสืบพยานดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทำการสืบพยานตัวจำเลยที่ 3 ต่อไป เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 29 ตุลาคม 2541 จำเลยที่ 5แถลงว่าติดใจสืบพยานจำเลยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพียงเท่านี้แต่จะส่งประเด็นไปสืบตัวจำเลยที่ 3 ที่ดินแดนไต้หวัน โจทก์แถลงคัดค้านศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า ข้อกำหนดของศาลอนุญาตให้คู่ความใช้วิธีบันทึกถ้อยคำแทนการนำตัวพยานซึ่งอยู่ต่างประเทศเสนอต่อศาลอยู่แล้ว และคดีนี้ได้ทำการพิจารณามาเป็นเวลานาน หากจะต้องส่งประเด็นไปต่างประเทศจะทำให้คดีล่าช้า และไม่ได้ผลเกินไปกว่าที่ข้อกำหนดได้อนุญาตไว้แล้ว จึงไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นและให้งดสืบพยานดังกล่าว คดีเสร็จการพิจารณา และนัดฟังคำพิพากษา และตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 5 ยกเหตุผลโต้แย้งคำสั่งของศาลดังกล่าวแต่เพียงว่า พยานปากนี้เป็นพยานสำคัญหากส่งประเด็นไปสืบจำเลยที่ 3 ที่ดินแดนไต้หวัน จะได้ความจริงแห่งคดีชัดแจ้งขึ้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาวินิจฉัยคดีมากยิ่งขึ้น แต่จำเลยที่ 5 มิได้โต้แย้งเลยว่าคำวินิจฉัยของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตอนใด แห่งใด ที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จะส่งประเด็นไปสืบตัวจำเลยที่3ในข้อเท็จจริงใดและจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณายิ่งกว่าการเสนอบันทึกถ้อยคำของตัวจำเลยที่ 3 ต่อศาลตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 31 อย่างไร เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีวิธีพิจารณาคดีพิเศษแตกต่างจากศาลยุติธรรมอื่น โดยมุ่งเน้นกระบวนพิจารณาคดีที่รวดเร็วเป็นประการสำคัญด้วย การส่งประเด็นไปสืบพยานบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ต้องใช้เวลานาน เมื่อจำเลยที่ 5 มีความประสงค์จะสืบตัวจำเลยที่ 3 เป็นพยานอีกเพียงปากเดียว แต่มิได้แสดงเหตุผลถึงความจำเป็นเป็นพิเศษในการที่จะขอส่งประเด็นไปสืบตัวจำเลยที่ 3 ที่ดินแดนไต้หวันที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นและงดสืบพยานจำเลยที่ 5 จึงชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยที่ 5 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share