คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3381/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ผู้แต่งทนายความมีบุคคลเพียงคนเดียวรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ การแต่งตั้งทนายความของโจทก์ยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ ทนายความผู้นั้นจึงไม่มีอำนาจทำการแทนในฐานะทนายความของโจทก์ซึ่งเท่ากับคำฟ้องไม่มีลายมือชื่อโจทก์ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ทำมาใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18วรรคสองคดีนี้เมื่อมีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์แล้วบุคคลดังกล่าวย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์ได้ รวมทั้งมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องของใบแต่งทนายแทนโจทก์ด้วย เมื่อได้แต่งตั้งทนายความคนเดียวกัน ทนายความผู้นั้นมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแทนโจทก์ได้ และทำให้คำฟ้องคดีนี้มีลายมือชื่อของทนายความผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์มาตั้งแต่ต้นโดยไม่จำเป็นต้องให้ทนายความผู้นี้ลงลายมือชื่อในช่องโจทก์ท้ายคำฟ้องอีกคำฟ้องโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 และ 67(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 26998 เลขที่ดิน 16 และที่ดินโฉนดเลขที่ 26999 เลขที่ดิน 17 ตำบลกะเฉดอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง คืนให้โจทก์ หากจำเลยไม่จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนชี้สองสถานโจทก์ถึงแก่กรรม พันตรีสมชาย ชัยวณิชยา ทายาทของโจทก์ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต และมีคำสั่งว่าโจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือในช่องผู้แต่งทนายความโดยไม่มีพยาน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือทนายความจึงไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อในคำฟ้องแทนโจทก์เป็นการผิดระเบียบ ให้แก้ไขโดยให้โจทก์มาลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความต่อหน้าศาล
ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ได้ถึงแก่กรรม ไม่สามารถลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมีคำสั่งแก้ไขในเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งให้เพิกถอนฟ้อง จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2540 ที่มีคำสั่งให้โจทก์มาลงลายมือชื่อต่อหน้าศาล ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากที่อนุญาตให้พันตรีสมชาย ชัยวณิชยา เข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์จนเสร็จการพิจารณา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่ตัวโจทก์ลงลายพิมพ์นิ้วมือในช่องผู้แต่งทนายความในใบแต่งทนายความ โดยมีทนายความคนเดียวลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าว และทนายความที่ตัวโจทก์แต่งตั้งได้ลงลายมือชื่อในช่องโจทก์ในคำฟ้องคดีนี้ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ตัวโจทก์มาลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความต่อหน้าศาล แต่ตัวโจทก์ได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนดังนี้คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ผู้แต่งทนายความโดยมีบุคคลเพียงคนเดียวรับรองลายพิมพ์นิ้วมือนั้น ย่อมไม่เสมอกับลงลายมือชื่อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสอง มีผลเท่ากับการแต่งตั้งทนายความของโจทก์ยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ ในชั้นนี้ทนายความผู้นั้นยังไม่มีอำนาจทำการแทนในฐานะทนายความของโจทก์ ดังนั้น ทนายความผู้นั้นจึงยังไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อในช่องโจทก์ท้ายคำฟ้องแทนโจทก์ได้ หรือเท่ากับคำฟ้องไม่มีลายมือชื่อโจทก์ ซึ่งกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ทำมาใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสอง และการแก้ไขเพิ่มเติมนี้อาจกระทำได้หลายประการ เช่น ให้โจทก์มาลงลายมือชื่อในช่องโจทก์ท้ายคำฟ้อง หรือในช่องผู้แต่งทนายความในใบแต่งทนายความ หรือให้ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์จัดให้ผู้รู้เห็นการพิมพ์ลายนิ้วมือของโจทก์ในใบแต่งทนายความมาลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าว คดีนี้เมื่อมีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์แล้ว บุคคลดังกล่าวย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์ได้ รวมทั้งมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องของใบแต่งทนายแทนโจทก์ด้วย นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งทนายความคนเดียวกันกับที่โจทก์แต่งตั้งไว้ จึงเป็นผลให้ทนายความผู้นั้นมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้แทนโจทก์ได้และทำให้คำฟ้องคดีนี้มีลายมือชื่อของทนายความผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์มาตั้งแต่ต้นโดยไม่จำเป็นต้องให้ทนายความผู้นี้ลงลายมือชื่อในช่องโจทก์ท้ายคำฟ้องอีกคำฟ้องโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18และ 67(5) ที่ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share