คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2749/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อเงินประกันของโจทก์ที่จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนโจทก์นั้นโจทก์ได้ตกลงยอมให้จำเลยผ่อนชำระคืนโจทก์เป็นงวด ๆ งวดละเดือนการที่โจทก์มาฟ้องเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลย จึงเป็นการเรียกเอาจำนวนเงินอันพึงส่งเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 มีกำหนดอายุความห้าปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตกลงกันให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินคืนแก่โจทก์เป็นงวด จำเลยที่ ๑ ชำระเงินคืนโจทก์แล้วบางส่วน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เงินประกันจำนวน ๑๕๐,๐๐๐บาทนั้น จำเลยที่ ๑ ได้ชำระเงินคืนให้โจทก์เป็นงวด ๆ รวม ๑๓ งวด เป็นเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยังคงค้างชำระอยู่ ๘๕,๐๐๐บาทเท่านั้น แต่คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ชำระเงินประกันคืนให้โจทก์จำนวน ๖๕,๐๐๐ บาทแล้ว และยังค้างชำระอยู่เพียง ๘๕,๐๐๐บาท จริงดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแต่เห็นว่าคดีไม่ขาดอายุความพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์๘๕,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าเงินประกันของโจทก์ที่จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้โจทก์นั้น โจทก์ตกลงยอมให้จำเลยผ่อนชำระคืนให้โจทก์เป็นงวด ๆ งวดละเดือน กรณีดังกล่าวเป็นการเรียกเอาจำนวนเงินอันพึงส่งเพื่อผ่อนทุกคืนเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาแน่นอนการฟ้องเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวแต่ละงวดจึงมีกำหนดอายุความห้าปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๖ เมื่อจำเลยจะต้องชำระเงินงวดสุดท้ายแก่โจทก์ในเดือนสิงหาคม ๒๕๒๐ แต่โจทก์มาฟ้องคดีนี้ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ ดังนั้นแม้โจทก์จะฟ้องเรียกเงินประจำงวดสุดท้ายก็เกินห้าปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๖
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share