แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาในปัญหา ข้อกฎหมายเกี่ยวกับเงินค่าปรับ จำเลยสามารถขอรับคืนไปจาก ศาลโดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่จำต้องมีคำสั่ง ส่วนฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง เป็นฎีกาที่ต้องห้าม จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ แต่มิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คืนค่าปรับแก่จำเลย ก็เท่ากับว่าจำเลยยังคงมีความผิดอยู่ จึงขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวของจำเลยไว้พิจารณา พิพากษาหรือมีคำสั่งให้คืนค่าปรับแก่จำเลยต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 75)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21,65 ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9,108 ทวิ วรรคสอง ลงโทษฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้ รับอนุญาต ปรับ 5,000 บาท กระทงหนึ่งและฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท อีกกระทงหนึ่งรวม 2 กระทง จำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 70)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าแม้ฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับค่าปรับฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ต้องห้ามฎีกาก็ตามแต่ค่าปรับนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกฟ้องแล้วหาจำต้องสั่งให้คืนค่าปรับไว้ในคำพิพากษาไม่ เพราะแม้ไม่ได้สั่งให้คืนไว้จำเลยก็ขอรับคืนได้อยู่แล้วฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง