คำสั่งคำร้องที่ 947/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2535 โดยพิพากษายืนลงโทษ จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน คดีจึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลพิเคราะห์ฎีกาของจำเลยที่ 1โดยตลอดแล้วเห็นว่า ฎีกาข้อ 2,3 และ 5 ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาดังบทบัญญัติดังกล่าวส่วนฎีกาข้อ 4 และ ข้อ 6 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จำเลยที่ 1ย่อมฎีกาได้ จึงให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อที่ 4และข้อ 6 นอกนั้นไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 5 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 ข้อ 3และข้อ 5 ไว้วินิจฉัยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 63)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ประกอบด้วยมาตรา 83พิเคราะห์ พฤติการณ์แห่งคดีประกอบสภาพแห่งการกระทำความผิด ของจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นสมควรลงโทษจำเลยทั้งสองลดหลั่นกันไป ตามความร้ายแรงแห่งการกระทำ ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี คำให้ การรับสารภาพ ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การ พิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี สำหรับข้อหา ฐานยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์ให้ยกฟ้อง และเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เงินตามเช็ค ของผู้เสียหาย ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยทั้งสองคืนเงินอีกจำนวน 560,320.72 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายตามที่โจทก์ขอได้ ให้ยกคำขอในข้อนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา เฉพาะบางข้อดังกล่าว (อันดับ 62)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาข้อ 2 ว่า พยานโจทก์ ให้การชั้นสอบสวนและเบิกความชั้นศาลแตกต่างกัน จึงฟังลงโทษ จำเลยที่ 1 ไม่ได้ กับทางนำสืบของจำเลยที่ 1 รับฟังได้ว่า เอกสารหมาย ล.18เป็นสัญญาค่านายหน้าที่นายสมศักดิ์ ทำกับจำเลยที่ 1 ฎีกาข้อ 3ว่า คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เกิดจากจำเลยที่ 1ถูกทำร้ายและถูกล่อลวงรับฟังยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้ และฎีกาข้อ 5 ว่า ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 รับฟังได้ว่า นายสมศักดิ์สลักหลังเช็คพิพาทมอบให้จำเลยที่ 1 เป็นค่านายหน้า ตามเอกสารหมาย ล.18 นั้น ล้วนแต่เป็นการ โต้เถียงดุลพินิจ การรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ทั้งสิ้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ข้อ 2,3 และ 5 ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share