แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันตาม ป.พ.พ.มาตรา 918, 989 การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วนำไปขายลดให้แก่ธนาคารย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตาม ป.พ.พ. มาตรา 921, 989 เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่ธนาคารและเข้าถือเอาเช็คนั้นกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตาม ป.พ.พ. มาตรา904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนดตาม ป.พ.พ.มาตรา 1002 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์มิใช่ผู้สลักหลัง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้เป็นเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาบางกะปิ ซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สั่งจ่ายโดยจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ ๒ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อเช็คถึงกำหนด ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้นำเงินไปชำระแก่ธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาปู่เจ้าสมิงพราย และรับเช็คคืนมา โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๗๗,๖๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน ๒๕๘,๗๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒คดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงและท้ากันว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ถ้าคดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ยอมแพ้ หากคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยทั้งสองยอมแพ้ โดยสละประเด็นข้อต่อสู้อื่นทั้งหมด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๕๘,๗๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๒๖ (น่าจะเป็น ๒๕๒๙) จนกว่าจะชำระเสร็จ (ดอกเบี้ยคิดจนถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน ๑๘,๘๕๐ บาท) แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๓ หรือไม่ เห็นว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย โจทก์ได้รับเช็คพิพาทแล้วสลักหลังนำไปขายลดให้แก่ธนาคาร การสลักหลังเช็คดังกล่าวโจทก์ต้องรับผิดอย่างผู้ประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๙๒๑, ๙๔๐ และมาตรา ๙๘๙ เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์จึงอยู่ในฐานะถูกไล่เบี้ยจากธนาคารซึ่งเป็นผู้ทรงเช็ค และเมื่อโจทก์ชำระเงินให้แก่ธนาคารแล้วเข้าถือเอาเช็คนั้นกลับคืนมาโจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยทั้งสองซึ่งโจทก์เป็นผู้ประกันไว้ตามมาตรา ๙๐๔ และ ๙๔๐วรรคสาม ในกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาทจากจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จึงเป็นการฟ้องผู้สั่งจ่ายในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท อายุความจึงมีกำหนด ๑ ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนด ตามมาตรา ๑๐๐๒ หาใช่ในฐานะผู้สลักหลังฟ้องไล่เบี้ยกันเองหรือผู้สลักหลังฟ้องผู้สั่งจ่ายซึ่งมีอายุความ๖ เดือน ตามมาตรา ๑๐๐๓ ดังฎีกาของจำเลยทั้งสองไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คพิพาทวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๐ เช็คพิพาทถึงกำหนดชำระวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๙ จึงไม่เกิน ๑ ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.