คำสั่งคำร้องที่ 930/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นการโต้แย้ง ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาข้อ 2(1) ของโจทก์เป็นการโต้แย้ง คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อ ที่ถึงกำหนดชำระก่อนเลิกสัญญา และค่าปรับหรือค่าเสียหายที่ จำเลยไม่ส่งมอบรถคืนเมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดตามเอกสาร หมาย จ.1 ข้อ 8 วรรคแรก และวรรคท้าย ซึ่งเป็นเงินตอบแทน ที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ตามนั้นหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่โต้แย้ง ดุลพินิจการใช้ข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ที่โจทก์ยกขึ้นว่า กล่าวกันมาแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งเป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ โจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 107 แผ่นที่ 5)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าซื้อรถยนต์แทรกเตอร์ ไปจากโจทก์ แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อจึงสิ้นสุด ต่อมา โจทก์ยึดรถแทรกเตอร์คืนได้ ทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 450,000 บาท และขาดประโยชน์จากการใช้รถในระหว่างผิดนัดอีก 1,800,000 บาท แต่โจทก์ขอเพียง 400,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 400,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่า จะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 5 มีนาคม 2533) จนกว่า จำเลยจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 105)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 106)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ที่ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระก่อนเลิกสัญญา และค่าปรับหรือค่าเสียหายที่จำเลยไม่ส่งมอบรถคืนเมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 8 วรรคแรกและวรรคท้ายหรือไม่นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share