คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ปัญหาว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วหรือไม่นั้น เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา246 คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่าพยานหลักฐานที่โจทก์สืบไม่เป็นความจริง หากจำเลยมีโอกาสยื่นคำให้การและนำสืบพยานหลักฐานต่อสู้คดีแล้วเชื่อมั่นว่า ศาลจะยกฟ้องโจทก์อย่างแน่นอนโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ชนะคดีได้อย่างไร ถือว่ามิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายและรับสภาพหนี้ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่เป็นความจริง หากจำเลยที่ 1 มีโอกาสสู้คดี ศาลจะต้องยกฟ้องโจทก์ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่ทราบคำบังคับ เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาเป็นประการแรกว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นมิได้ยกขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงมีอำนาจที่จะวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 1ฎีกาประการต่อมาว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วนั้นตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 มีข้อความว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ไม่เป็นความจริงหากจำเลยที่ 1 มีโอกาสยื่นคำให้การและนำสืบพยานหลักฐานต่อสู้คดีแล้ว จำเลยที่ 1 เชื่อมั่นว่าศาลจะยกฟ้องโจทก์อย่างแน่นอน เห็นว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาล เพื่อแสดงว่าตนเองจะชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่าพยานหลักฐานที่โจทก์สืบไม่เป็นความจริง หากจำเลยที่ 1 มีโอกาสยื่นคำให้การและนำสืบพยานหลักฐานต่อสู้คดีแล้วจำเลยที่ 1 เชื่อมั่นว่าศาลจะยกฟ้องโจทก์อย่างแน่นอน โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีได้อย่างไร คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสองที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share