คำสั่งคำร้องที่ 891/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามแต่ละคนแยกจากกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 จำเลยคงฎีกาเฉพาะในส่วนของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ทุนทรัพย์ที่จะต้องนำมาคำนวณเป็นค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา จึงต้องคิดเฉพาะในส่วนที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสามคนละ 100,000 บาทรวมเป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่า จำเลยฎีกา เฉพาะในส่วนของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 แต่ขณะยื่นฎีกา เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นคิดคำนวณให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่โจทก์ทั้งสามยื่นฟ้องไว้เต็มจำนวน ซึ่งจำเลยไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนที่เป็นทุนทรัพย์ของโจทก์ที่ 1 ด้วย ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งค่าขึ้นศาลเฉพาะส่วนของโจทก์ที่ 1 แก่จำเลยด้วย

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามแต่ละคนแยกจากกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 จำเลยคงฎีกาเฉพาะในส่วนของโจทก์ที่ 2และที่ 3 ทุนทรัพย์ที่จะต้องนำมาคำนวณเป็นค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจึงต้องคิดเฉพาะในส่วนที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 และที่ 3เท่านั้น จึงให้ศาลชั้นต้นคืนค่าขึ้นศาลที่เรียกเก็บมาแก่จำเลย”

Share