แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นกรณีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับโจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อ 2.1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า เอกสารหมาย จ.4 หรือ ล.1 มิใช่เป็นเอกสารธรรมดาดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้แต่เป็นเอกสารสิทธิที่เป็นหลักฐานการก่อตั้งสิทธิจำเลยอันเป็นฎีกาในข้อหาปลอมและใช้ เอกสารปลอมจึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220เพราะคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมข้อหาอื่นให้ยกเสีย อีกทั้งการปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาหรือไม่ต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทง ๆ ไป เสมือนมิได้รวมแต่ละกระทงความผิดฟ้องมาในคดีเดียวกันโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 2.1ของโจทก์ทั้งสองไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 204 แผ่นที่ 2,อันดับ 206)
โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265,268,180,177,91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,268 ลงโทษตามมาตรา 264จำคุก 1 ปี (หนึ่งปี) ข้อหาอื่นคงให้ยกเสีย
จำเลยฎีกา (อันดับ 200 แผ่นที่ 2)
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 201 แผ่นที่ 3)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 203)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยแต่เฉพาะข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ข้อหาอื่น ๆ จึงเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ฎีกาโจทก์ข้อ 2.1 ซึ่งขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม แม้จะเป็น ปัญหาข้อกฎหมาย ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่แก้ไขแล้ว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาข้อ 2.1 ของโจทก์จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง