คำสั่งคำร้องที่ 848/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นว่า ฎีกาของจำเลยล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ มิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ และศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำคุก 3 เดือน ปรับ 3,000 บาท ฯลฯโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบมาตรา 264 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 194 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 196)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคสอง
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าพันตำรวจตรีกวินทร์เป็นผู้ซื้อรถยนต์พิพาทแล้วได้มอบรถให้โจทก์พร้อมกับคู่มือการจดทะเบียนรถโจทก์จึงได้จดทะเบียนโอนรถเป็นของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อรถยนต์พิพาท แต่ผู้เดียว ผู้ขายได้มอบรถให้จำเลยเป็นการซื้อขายเด็ดขาด กรรมสิทธิ์ย่อมตกเป็นของจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัย ของศาลอุทธรณ์ว่า รถยนต์พิพาทเป็นของจำเลย พันตำรวจกวินทร์ไม่มีสิทธินำไปให้โจทก์ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 8630/2533 ข้อหาแจ้งความเท็จ ฯลฯ เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์พิพาทคดีนี้ ศาลในคดีดังกล่าวฟังว่ารถยนต์พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายคดีนี้ เป็นข้อเท็จจริงคนละคดีไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลในคดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับฟังรายงานการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญกรมตำรวจตามเอกสาร หมาย จ.10 ว่าลายมือชื่อโจทก์ในเอกสารที่จำเลยนำไปจดทะเบียน โอนรถยนต์พิพาทเป็นชื่อของจำเลย เป็นลายมือชื่อปลอม เพราะ ไม่มีการตรวจเทียบเคียงกับลายมือชื่ออันแท้จริงของโจทก์ และพนักงานสวบ สวนได้สมคบกับโจทก์ทำให้เพื่อกลั่นแกล้งจำเลย เป็นฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ที่ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share