คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังนี้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมอบให้น.นำเข้าบัญชีของน.เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจากน.แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรง แม้โจทก์ร่วมกับน.จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่น ก็จะผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมกับ น.เท่านั้น เมื่อ น.ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คน.ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย หาใช่โจทก์ร่วมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายสมพล ศิริเสริฐวานิช ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นกรณีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายในอุทธรณ์ข้อที่ 2

โจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมพิพากษายืน

โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาทสั่งให้ธนาคารกสิกรไทย สาขาอรัญประเทศให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจำนวน 56,975 บาท เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อด้านหลังเช็คดังกล่าวแล้วมอบให้นายนริศน์ที่ปรึกษากฎมหายของโจทก์ร่วมนำเข้าบัญชีของนายนริศน์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาอรัญประเทศปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2524 โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจาก นายนริศน์ แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โจทก์ร่วมฎีกาเป็นประการแรกว่าอุทธรณ์โจทก์ร่วมข้อ 2 ก. เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับเป็นอุทธรณ์นั้นไม่ชอบ โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยว่าจะสั่งหรือไม่โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เลยนั้นคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ พิเคราะห์แล้ว ปรากฏตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์ร่วมอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อกฎหมายและยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ข้อที่ 2 ก.มาด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมอีกต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมมิได้เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายเสียแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเพราะไม่ว่าจะสั่งอย่างไรก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น โจทก์ร่วมฎีกาอีกประการหนึ่งว่า การที่บุคคลใดจะเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องดูที่การกระทำและเจตนาของคู่กรณีเป็นสำคัญ โจทก์ร่วมนำเช็คเข้าบัญชีของนายนริศน์เพราะโจทก์ร่วมไปต่างจังหวัด ได้มอบหมายให้นายนริศน์ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายนำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแทนโจทก์ร่วม การกระทำของนายนริศน์ถือว่าเป็นการกระทำแทนโจทก์ร่วมหาได้กระทำในฐานะเป็นเช็คของตนเองไม่ โจทก์ร่วมยังเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตั๋วเงินเป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเงินย่อมถือเอาข้อความและลายมือชื่อที่ปรากฏในตั๋วเงินเป็นสำคัญ ดังนั้น แม้โจทก์ร่วมกับนายนริศน์จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่นนอกเหนือข้อความที่ปรากฏในเช็ค จะผูกพันกันได้ก็เฉพาะโจทก์ร่วมกับนายนริศน์เท่านั้นผลทางกฎมหายต่อบุคคลอื่นซึ่งไม่รู้ถึงข้อตกลงดังกล่าวด้วยย่อมต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะตั๋วเงินกล่าวคือ ตั๋วเงินที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ เมื่อนายนริศน์ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็ค นายนริศน์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายดังกล่าว หาใช่โจทก์ร่วมไม่

พิพากษายืน

Share