แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
ช.ได้รับจัดสรรที่ดินพิพาทจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดฯแต่ยังไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์จึงยังไม่ได้สิทธิครอบครองการที่จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทย่อมไม่เป็นการขัดขวางรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุขของช..
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกเข้าไปไถและหว่านข้าวในที่ดินที่ผู้เสียหายได้รับมอบการครอบครองจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เข้าทำประโยชน์อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุควรปรานีตามมาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้เข้าไถหว่านข้าวกล้าในที่ดินแปลงเลขที่ 42 ตามแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม ซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ จัดแบ่งให้ผู้เสียหายตาม พ.ร.ก. กำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอสามงาม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง และอำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2521 ปัญหามีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามคำเบิกความของผู้เสียหายได้ความว่าผู้เสียหายได้เพียงส่วนแบ่งที่ดินเลขที่ 42 ตามแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม แต่ยังไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์เพราะที่ดินส่วนใหญ่ยังเป็นป่า (โจทก์นำสืบว่าเป็นป่าไผ่)สำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ ต้องช่วยจัดให้มีการโค่นไถ ผู้เสียหายจึงจะเข้าทำกินได้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ เพียงแต่โค่นไถให้เป็นแนวเขตไว้เท่านั้น ตามคำเบิกความของจำเลยและพยานได้ความว่า ที่ดินที่จัดสรรให้ผู้เสียหายเป็นที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองไว้และครอบครองทำประโยชน์มาก่อน เหตุที่จำเลยยอมให้นำไปจัดสรร เพราะสำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ แจ้งว่า จะให้ค่าชดเชยไร่ละ 1,200 บาทและจะให้บุตรจำเลยได้รับที่ดินในการจัดสรรด้วย แต่จำเลยยังไม่ได้รับค่าชดเชยจากผู้เสียหายและสำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ จึงเข้าไถหว่านข้าวกล้าในที่ดินอย่างที่เคยทำมา เมื่อผู้เสียหายยังไม่ได้สิทธิครอบครองอย่างสมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินที่ทางราชการจัดสรรให้การที่จำเลยซึ่งได้ครอบครองทำกินในที่ดินมาก่อนเข้าไถหว่านข้าวกล้าในที่ดิน ย่อมไม่เป็นการขัดขวางรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุขของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
พิพากษายืน.