คำสั่งคำร้องที่ 731/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วแต่เนื่องจากยอดหนี้รวมตามคำพิพากษาศาลฎีกากับ รายละเอียดหนี้แต่ละรายการที่ศาลฎีกาวินิจฉัยมาเป็นรายการ แล้วนำทุกรายการมารวมกัน ยอดหนี้รวมกับยอดหนี้ที่ ศาลฎีการวมมีความแตกต่างกัน กล่าวคือ เมื่อนำยอดหนี้ ที่ถูกต้องแท้จริงตามคำพิพากษาศาลฎีกายอดที่ถูกควรเป็น 337,902 บาท เมื่อหักกลบลบหนี้กับเงินที่จำเลยนำฝาก เข้าบัญชีโจทก์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาหน้า 25 บรรทัดที่ 1 เป็นเงิน 201,466.96 บาท จำเลยจึงคงต้องรับผิดชดใช้ แก่โจทก์เป็นเงิน 136,935.04 บาท ดังนั้นยอดหนี้ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ถูกต้องที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ เป็นเงิน 136,435.04 บาท มิใช่ 36,435.04 บาท โปรด อธิบายความในคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 201)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน186,352.04 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้โจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินของจำเลยตามฟ้องให้จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน36,435.04 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (23 สิงหาคม 2538) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 193)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าโจทก์ ออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยเป็นค่าซื้อที่ดิน 120,000 บาท ค่าซื้อวัสดุก่อสร้าง 41,390 บาท ค่าช่างไม้ 3,500 บาท ค่าช่างปูน 2,000 บาท ค่าสีทาบ้าน 5,620 บาท ค่าติดตั้ง น้ำประปา 2,000 บาท ค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า 1,500 บาท ค่ารักษาพยาบาลภริยาจำเลย 7,095 บาท ค่าซื้อสินค้า ไปต่างประเทศ 56,507 บาท ค่าเงินกู้ 98,290 บาท ส่วนจำเลย นั้นได้โอนเงินเข้าบัญชีโจทก์ 201,466.96 บาท ตามคำวินิจฉัยดังกล่าวเห็นได้ว่าจำนวนเงินที่โจทก์ออกทดรองจ่าย แทนจำเลยทุกรายการรวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 337,902 บาท ที่คำพิพากษาระบุว่ารวมเป็นเงินที่โจทก์ออกทดรองจ่าย แทนจำเลยทั้งสิ้น 237,902 บาท จึงเป็นการผิดพลาดในการ บวกจำนวนเงิน เมื่อนำเงินที่จำเลยโอนเข้าบัญชีโจทก์จำนวน201,466.96 บาท มาหักกลบลบหนี้กับจำนวนเงินที่โจทก์ออกทดรองจ่ายแทนจำเลยดังกล่าวแล้ว จะเหลือเงินที่จำเลยต้อง รับผิดชดใช้ต่อโจทก์ทั้งสิ้น 136,435.04 บาท ที่คำพิพากษาระบุจำนวนเงินที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ต่อโจทก์เป็นเงิน36,435.04 บาท จึงเป็นการผิดพลาด ข้อผิดพลาดดังกล่าว มาแล้วทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย เพราะเกิดจากการบวกลบจำนวนเงินผิดพลาด ศาลฎีกา จึงมีอำนาจก้ไขให้ถูกต้องได้ เพราะมิใช่เป็นการแก้ไข คำวินิจฉัยในคำพิพากษาแต่อย่างใด อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 จึงมี คำสั่งให้แก้จำนวนเงินที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ต่อโจทก์ จากที่ระบุในคำพิพากษาจำนวน 36,435.04 บาท เป็น 136,435.04 บาท

Share