คำสั่งคำร้องที่ 71/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้น มิได้รับรอง จึงไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยครอบครองที่พิพาท โดยอาศัยที่ดินของโจทก์หรือไม่ และจำเลยขอออก น.ส.3 ทับที่ดินของโจทก์ได้อย่างไร เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เกี่ยวพันกับปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 119)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินตาม น.ส.3 เล่ม 2หน้า 177 สารบบเลขที่ 161 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอมุกดาหารจังหวัดนครพนม เป็นของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้ ขอให้จำเลยเพิกถอนน.ส.3 เล่ม 56 สารบบเลขที่ 275 เนื้อที่ 24 ไร่ 2 งาน ที่ออกทับที่ดินโจทก์ และ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทแก่โจทก์ และค่าเสียหายอีกปีละ 10,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจาก ที่ดินโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 114)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 116)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่โจทก์ ฎีกาว่า โจทก์ให้จำเลย อาศัยปลูกอ้อยในที่ดินพิพาทเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง การรับฟังพยานหลักฐานของศาลที่ฟังว่า จำเลยครอบครอง ที่ดินพิพาทโดยไม่ได้อาศัยโจทก์จำเลยได้สิทธิครอบครอง ที่ดินพิพาทจึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม บทบัญญัติมาตรา ดังกล่าว ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยลักลอบออกน.ส.3ในที่ดินพิพาทเมื่อศาลฟังว่าจำเลยครอบครอบ ที่ดินพิพาทเพื่อตนไม่มีเหตุที่จะเพิกถอน น..3 ของจำเลย ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้าม ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share