แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา มีเหตุผลพอที่ศาลฎีกาจะพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 217แผ่นที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 147,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 15,000 บาทนับแต่วันทำละเมิด (6 กุมภาพันธ์ 2523) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ถึงแก่กรรม นางสาวสุภัคชยุตสาหกิจ ทายาทของโจทก์ผู้มรณะขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ศาลอุทธรณ์อนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1ชำระเงิน123,700 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 15,000 บาท นับแต่วันทำละเมิด (6 กุมภาพันธ์ 2523)จนกว่าชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างฎีกา เฉพาะจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 211,214,213)
จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์โดยจำเลยที่ 1 วางโฉนดที่ดิน จำนวน 1 ฉบับ และใบรับเงินฝากประจำของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด สาขาบ้านนาสารจำนวนเงิน 72,122.25 บาท ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนายมัลลิก์จันทร์เมืองไว้เป็นหลักประกัน และนายมัลลิก์ จันทร์เมืองได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 176,183)
คำสั่ง
ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินและดอกเบี้ยที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงวันฟังคำสั่งนี้มาวางศาลจนเป็นที่พอใจและภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง