คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคำพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า ได้มีการกระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง ดังนี้ จึงเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยอื่นจะมิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ได้รับฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจฟ้องยกฟ้องโจทก์ถึงจำเลยนั้นด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมสมคบกันใช้มีดพร้างอ ปืนพกสั้น และมีดปลายแหลมเป็นอาวุธฟัน ยิง และแทงทำร้ายร่างกายนายองอาจ ผิวผา โดยเจตนาฆ่าให้ตาย แต่บาดแผลที่จำเลยทำร้าย ถูกส่วนที่ไม่สำคัญของร่างกายและได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที นายองอาจไม่ถึงตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผู้เดียวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐ จำเลยที่ ๑ มีอายุ ๑๗ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๕ ให้จำคุก ๕ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้จำคุก ๔ เดือนแต่จำเลยที่ ๒ ต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ ๑ กระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสยีหายโดยจำเลยที่ ๒ ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ ให้จำคุก ๑๐ ปี นอกจากนี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ ๑ถูกจำคุกไม่เกิน ๕ ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง คงให้รับฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลฎีกาเห็นว่า คำผู้เสียหายหรือพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า ได้มีการกระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง และเมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมเป็นเหตุในลักษณะคดีซึ่งแม้จำเลยที่ ๑ จะมิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาส่วนของจำเลยที่ ๑ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ถึงจำเลยที่ ๑ ด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓, ๒๒๕
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสองพ้นข้อหาไป

Share