แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 30 ห้ามมิให้นายจ้างนำหนี้อื่นมาหักจากเงินค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง คำว่า “หนี้อื่น” นี้หมายถึงหนี้อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง การที่โจทก์มีสิทธิเข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านของบริษัทจำเลยนั้น ก็เพราะโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย แม้โจทก์จะเสียเงินค่าเช่าเดือนละ 300 บาท และค่าไฟฟ้าก็เป็นจำนวนน้อยมาก สิทธิของโจทก์ดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากความผูกพันในฐานะลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์จำเลย หนี้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้อันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง หาใช่หนี้อื่นตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 30 ไม่จำเลยมีสิทธิหักค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าจากเงินเดือนของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและจำเลยได้หักเงินค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าจากค่าจ้างของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหาย ค่าชดเชย ค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้า ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้าง โจทก์ลาออกจากงานเองจำเลยปลูกบ้านให้ลูกจ้างเช่าอยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน คิดค่าเช่าเดือนละ ๓๐๐ บาท ค่าน้ำค่าไฟฟ้าตามที่ได้ใช้จริง โจทก์เช่าบ้านของจำเลย จำเลยไม่ได้หักค่าเช่าและค่าไฟฟ้าจากเงินค่าจ้างของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้คืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ ๓๐ ห้ามมิให้นายจ้างนำ “หนี้อื่น” มาหักจากเงินค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งคำว่า “หนี้อื่น” นี้ ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า หมายถึงหนี้อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๕๔๖ – ๓๕๔๗/๒๕๒๔ ระหว่างนายเอกชัย บุญชู โจทก์ การรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลย กรณีของโจทก์นี้ปรากฏว่าการที่โจทก์ได้มีสิทธิเข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านของจำเลยนั้น ก็เพราะโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย แม้การเข้าอยู่อาศัยโจทก์จะได้เสียเงินค่าเช่าให้แก่จำเลยในอัตราเดือนละ ๓๐๐ บาท และเสียค่าไฟฟ้าด้วยก็ตามก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ซึ่งบุคคลอื่นที่มิใช่ลูกจ้างของจำเลยย่อมไม่อาจใช้สิทธิดังเช่นโจทก์ได้การที่โจทก์มีสิทธิดังกล่าวจึงเป็นผลโดยตรงมาจากความผูกพันในฐานะลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยนั่นเอง หนี้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้อันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง หาใช่หนี้อื่นตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๓๐ แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินดังกล่าวนี้คืนจากจำเลยได้
พิพากษายืน.