คำสั่งคำร้องที่ 611/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องถึงผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาใน ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 3 พร้อมกับคำฟ้องฎีกาต่อ ศาลชั้นต้นขอให้ ร. และหรือ ส.ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศ.และหรือ ช.และหรือ น.ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองให้ผู้ร้องฎีกา การที่ผู้พิพากษาคนหนึ่งไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ย่อมไม่ตัดสิทธิของผู้พิพากษาคนอื่น ๆ ตามคำร้องที่จะพิจารณา รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ดังนี้ เมื่อ ส. สั่งไม่รับรองให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ก็ชอบที่ส่ง คำร้องนั้นพร้อมด้วยสำเนาไปยังผู้พิพากษาคนอื่น ๆ ตามที่ ผู้ร้องระบุในคำร้องเพื่อพิจารณารับรองแล้วจึงพิจารณาสั่งรับ หรือไม่รับฎีกา ที่ ส. สั่งไม่รับรองให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องด้วยนั้น ย่อมเป็นการ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคท้าย

ย่อยาว

ความว่า ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษา ที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง นายสุริยง ลิ้มสถิรานนท์ ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นไม่รับรองให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกา ของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาแก่ผู้ร้อง

ผู้ร้องเห็นว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยทำคำร้องถึงผู้พิพากษา 5 คนแต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่นั่งพิจารณาคดีนี้เพียงคนเดียว มีคำสั่งว่า “ยังไม่มีเหตุอันสมควร จึงไม่รับคำร้อง ให้ยกคำร้อง” เป็นเหตุให้มีคำสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้อง โดยยังมิได้ดำเนินการส่งคำร้องพร้อมสำเนาไปยังผู้พิพากษา อีก 4 คน เพื่อพิจารณารับรอง การที่ผู้ร้องขออนุญาตให้ฎีกา ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยใช้คำว่า “และหรือ” เป็นการ ใช้สิทธิตามกฎหมาย และมีเจตนาชัดว่าผู้ร้องขออนุญาตต่อ ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งและหรือทั้งหมด การที่ผู้พิพากษา คนใดคนหนึ่งไม่รับรองก็ไม่ตัดสิทธิผู้พิพากษาคนอื่นตามคำร้อง ที่จะพิจารณาได้ คำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนนี้จึงเป็นการสั่ง โดยผิดระเบียบ และตามฎีกาข้อ 3 เรื่องการครอบครองปรปักษ์ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย คดีของผู้ร้องจึงไม่ต้องห้ามฎีกา ขอศาล ฎีกาได้โปรดพิจารณาและมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณา ที่ผิดระเบียบดังกล่าว โปรดอนุญาต

หมายเหตุ ผู้คัดค้านยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง

ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ว่า ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 2878 ตำบล ท่านพระยา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่ประมาณ1 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่ง พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้น สั่งคำร้องว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังไม่มีเหตุอันสมควร จึงไม่รับรองให้ ให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา ดังกล่าว (อันดับ 87, 88)

ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ราคาทรัพย์สินอันเป็นจำนวนทุน ทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ห้ามมิให้ คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จากการตรวจสำนวนปรากฎว่า ภายในกำหนดอายุฎีกา ผู้ร้องยื่นคำร้องฎีกาถึงผู้พิพากษา ที่ได้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 3 พร้อมกับ คำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นตามคำร้องลงวันที่ 27 ธันวาคม 2539 ขอให้นายราเชนทร์ วัชรพงศ์ และหรือนายสุริยง ลิ้มสถิรานันท์ ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้น หรือนายศักดา จิตธรรมมา และหรือนายชนะ ภาสกานนท์ และหรือนายนินนาท สาครรัตน์ ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองให้ผู้ร้อง ฎีกาคดีนี้ได้ตามคำร้องดังกล่าว ผู้ร้องมีเจตนาให้ผู้พิพากษา ทุกคนที่ได้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นก็ดีศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็ดี รับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกา การที่ผู้พิพากษา คนหนึ่งไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงย่อมไม่ได้ ตัดสิทธิของผู้พิพากษาคนอื่น ๆ ตามคำร้องที่จะพิจารณารับรอง ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ดังนี้เมื่อนายสุริยง สั่งไม่รับรองให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ก็ชอบ ที่ส่งคำร้องนั้นพร้อมด้วยสำนวนไปยังผู้พิพากษาคนอื่น ๆ ตามที่ผู้ร้องระบุในคำร้อง เพื่อพิจารณารับรองแล้วจึงพิจารณา สั่งรับหรือไม่รับฎีกา ที่นายสุริยงสั่งไม่รับรองให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องด้วยนั้น ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคท้าย ศาลฎีกามีอำนาจเพิกถอนคำสั่ง ศาลชั้นต้น ที่สั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องเพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ ตามคำร้องแล้ว มีคำสั่งเสียใหม่ได้

จึงให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฎีกา ให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องของ ผู้ร้องพร้อมด้วยสำนวนความไปยัง ผู้พิพากษาคนอื่น ๆที่ได้นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามคำร้องของ ผู้ร้องฉบับลงวันที่ 27 ธันวาคม 2539 เพื่อพิจารณารับรองแล้วดำเนินการต่อไป

Share