แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการวินิจฉัยพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และมีข้อพิพาทอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าส่งสำเนาคำร้องให้ไม่ได้ เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้ถึงแก่กรรมแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้ส่งสำเนาคำร้องให้ทนายจำเลยที่ 2 แทน แต่ไม่ปรากฏ ว่าทนายจำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้อง (อันดับ 82)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วไม้ไผ่ สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้ทั้งหลายออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสอง และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันชดใช้ ค่าเสียหายจำนวนเงิน 8,000 บาท และต่อไปทุกเดือนเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสองจะเลิกเกี่ยวข้องและรื้อถอนรั้วไม้ไผ่ สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้ออกไปจากที่ดินโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 71)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ