แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลอาญาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 มีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(6) โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 18)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 17 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 18)
คำสั่ง
ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รอการลงโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง