คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายเข้ามาถามจำเลยถึงเรื่องที่จำเลยตีบุตรสาวของผู้ตายแล้วผู้ตายได้ชกต่อย เตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดยจำเลยมิได้ต่อสู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปนำเอาอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 72, 91, 32, 37 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,55, 72 ทวิ, 78 ลงโทษฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้จำคุก 3 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยเหตุบันดาลโทสะจำคุก 8 ปี รวมจำคุก 12 ปี ริบของกลาง โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 37 และเฉพาะข้อหาพาอาวุธปืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่าวันเกิดเหตุผู้ตายเข้ามาถามจำเลยถึงเรื่องที่จำเลยตีบุตรสาวของผู้ตาย แล้วผู้ตายได้ชกต่อย เตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดยจำเลยมิได้ต่อสู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยเข้าไปนำเอาอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share