คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5748/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแก้ชื่อให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินมรดกมิได้ฟ้องขอรับส่วนแบ่งผลประโยชน์ในที่ดินมรดกจากจำเลย แม้โจทก์ชนะคดี ศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้จำเลยแบ่งผลประโยชน์จากที่ดินมรดกให้โจทก์ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องและเกินคำขอ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้จำเลยนำค่าเช่าที่ดินมรดกที่พิพาทมาวางศาล หรือให้ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ในที่ดินมรดกระหว่างพิจารณาได้ ทั้งนี้เพราะวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 นั้น หมายถึงประโยชน์ที่ผู้ขอจะได้รับตามคำพิพากษาเท่านั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งเก้าฟ้องขอให้จำเลยทำนิติกรรมแก้ชื่อให้โจทก์ทั้งเก้าถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินรวม ๒ โฉนด พร้อมบ้านกับโรงงานซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินทั้งสองโฉนดนั้น อันเป็นทรัพย์มรดกโดยปลอดจากจำนองหรือภาระผูกพัน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดหรือชำระหนี้อื่นเพื่อปลดภาระผูกพัน
จำเลยให้การว่า ทรัพย์ตามฟ้องเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งเก้ายื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของตนก่อนมีคำพิพากษา โดยขอให้นางสมจิตต์ เชาวน์ประดิษฐ์ ซึ่งเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะเป็นผู้เก็บค่าเช่า ให้จัดทำบัญชีรายได้ รายการจากค่าเช่าที่ดินตามฟ้อง หรือรายได้สุทธิเท่าใด ให้นำส่งศาลทุกเดือนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และให้จัดการรักษาทรัพย์มรดกโดยความเห็นชอบของโจทก์ทั้งเก้าเช่นจัดให้มีผู้เช่า ดูแลรักษาทรัพย์มรดกให้คงอยู่ตลอดไป หรือดำเนินการให้ทรัพย์มรดกได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า โจทก์ทั้งเก้าไม่มีสิทธิร้องขอให้ใช้วิธีคุ้มครองประโยชน์ก่อนมีคำพิพากษาตามที่ร้องขอ เพราะเป็นการนอกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์ทั้งเก้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งเก้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งเก้าฟ้องขอให้จำเลยแก้ชื่อให้โจทก์ทั้งเก้าถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินมรดกตามอัตราส่วนของโจทก์แต่ละคนโดยปลอดจำนองหรือภาระผูกพันหากจำเลยไม่ปฏิบัติก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย เห็นว่าถ้าโจทก์ชนะคดีและจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานที่ดินลงชื่อโจทก์ในโฉนด โดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้อยู่แล้ว โจทก์ทั้งเก้ามิได้ฟ้องขอรับส่วนแบ่งผลประโยชน์ในมรดกจากจำเลย แม้โจทก์ทั้งเก้าชนะคดี ศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้จำเลยแบ่งผลประโยชน์จากมรดกให้โจทก์ทั้งเก้าได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องและเกินคำขอ วิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ นั้น หมายถึงประโยชน์ที่ผู้ขอจะได้รับตามคำพิพากษาเท่านั้น โจทก์ทั้งเก้าจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้จำเลยนำค่าเช่าทรัพย์มรดกที่พิพาทมาวางศาลหรือให้ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ทรัพย์มรดกตามคำร้อง
พิพากษายืน.

Share