คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นอันเพิกถอนไป มีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว จำเลยจึงมีหน้าที่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลย โดยให้เหตุผลว่า การยื่นอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ไม่จำต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษา จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมด หากศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ค่าธรรมเนียมศาลที่จำเลยได้รับยกเว้นย่อมรวมถึงค่าธรรมเนียมศาลซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามป.วิ.พ.มาตรา 229 ด้วย แต่หากศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจะต้องกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์มาวางด้วย ซึ่งหากจำเลยนำเงินมาวางตามคำสั่ง อุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยมาตรา 229 หรือหากศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่า มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนและจำเลยนำเงินส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้นมาวางศาล อุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยมาตรา 229 เช่นเดียวกัน กรณีจึงมีเหตุย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากสถานที่เช่าสถานีบริการน้ำมัน เลขที่ 107 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร และส่งมอบสถานที่เช่าคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,618,878.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 28 ธันวาคม 2550) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 จำเลยจึงได้รู้ว่า โจทก์เสนอคำฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จากการตรวจสำนวนได้ความว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งหมายแจ้งวันนัดพิจารณาแก่จำเลย กระทำโดยวิธีปิดหมายที่บ้านเลขที่ 68 ถนนพิชัย แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามหนังสือรับรองนิติบุคคลซึ่งได้ถูกเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนพิชัย ตอนเชื่อมระหว่างถนนนครไชยศรีกับสะพานเทพหัสดิน พ.ศ.2547 จำเลยจึงไม่รู้ว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้และไม่สามารถให้การต่อสู้คดีได้ หากจำเลยมีโอกาสยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้วจำเลยจะเป็นฝ่ายชนะคดีโจทก์ จำเลยจึงมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยในคดีนี้ได้กระทำโดยชอบแล้ว ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีทางชนะคดีโจทก์และการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเหตุจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ชอบหรือไม่ คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 พร้อมคำร้องฉบับลงวันที่เดียวกัน ขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมด รวมทั้งค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยอ้างว่าได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานศาลว่าเป็นเงิน 44,012.50 บาท ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของจำเลยว่า “ให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลตามตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ 2 (ข) จำนวน 200 บาท ภายใน 7 วัน จึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลย” และสั่งคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยว่า “จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในชั้นนี้ไม่จำต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนอีกฝ่ายตามคำพิพากษาแต่อย่างใด ให้งดไต่สวน ยกคำร้อง” ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของจำเลยว่า “จำเลยเสียค่าขึ้นศาลภายในกำหนดแล้ว รับอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย” เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นอันเพิกถอนไป มีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว จำเลยจึงมีหน้าที่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยโดยให้เหตุผลว่า การยื่นอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ไม่จำต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ภายหลังจำเลยชำระค่าขึ้นศาลจำนวน 200 บาท ตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แต่มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์มา ก็ไม่มีผลให้อุทธรณ์ของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กลับเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายไปได้และแม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ว่า ในชั้นอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ไม่จำต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง อันมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คำร้องดังกล่าวของจำเลยเป็นอันตกไปด้วยการให้ยกคำร้อง กรณีเช่นนี้ก็ไม่มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กลับเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายไปได้เช่นเดียวกัน ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์นั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมด มิใช่เพียงแต่ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น หากศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยแล้ว เห็นว่า มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งหมดหรือบางส่วน ค่าธรรมเนียมศาลที่จำเลยได้รับยกเว้นไม่จำต้องนำมาวางย่อมรวมถึงเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 157 และเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์ดังกล่าว ย่อมรวมถึงค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามมาตรา 229 ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ได้ทันที จึงเป็นการไม่ถูกต้องและที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลย ไม่มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กลับเป็นคำฟ้องของอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายด้วยนั้น เป็นการไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน เพราะหากศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจะต้องกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์มาวางด้วย ซึ่งหากจำเลยนำเงินมาวางตามคำสั่ง อุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยมาตรา 229 หรือหากศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่า มีเหตุอันควรยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมด หรือยกเว้นบางส่วนและจำเลยนำเงินส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้นมาวางศาล อุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยมาตรา 229 เช่นเดียวกัน กรณีจึงมีเหตุย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยก่อน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้เพิกถอนคำสั่งยกคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดและคำสั่งรับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยแล้วดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share