คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนจากหลอดใหญ่ใส่หลอดกาแฟที่ตัดเป็นท่อนสั้นๆ เป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2529 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเฮโรอีน โดยร่วมกันนำเฮโรอีนจำนวน1 หลอดพลาสติกใหม่มาทำการแบ่งบรรจุใส่หลอดกาแฟขนาด 1 นิ้ว จำนวน12 หลอดรวมน้ำหนักเฮโรอีนทั้งหมดหนัก 0.20 กรัม โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 จำนวน 1 หลอดพลาสติดใหญ่ และ 12 หลอดกาแฟขนาด1 นิ้ว รวมน้ำหนักเฮโรอีนทั้งหมดหนัก 0.20 กรัม ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 65, 67,102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 ริบของกลาง และนับโทษจำเลยที่ 1ที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่1047/2529 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง แต่ปฏิเสธในข้อหาร่วมกันผลิตเฮโรอีน และรับว่าจำเลยที่ 1ที่ 2 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่1047/2529 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 65, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4 เรียงกระทงลงโทษในข้อหาร่วมกันผลิตเฮโรอีน จำคุกตลอดชีวิต ลงโทษในข้อหาร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปีแต่ศาลได้ลงโทษจำเลยทั้งสองกระทงแรกจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษกระทงหลังรวมเข้ากับโทษกระทงแรกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 ในข้อหาร่วมกันผลิตเฮโรอีนจำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกคนละ 25 ปี ริบของกลาง และให้นับโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่1047/2529 หมายเลขแดงที่ 957/2529 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานผลิตเฮโรอีนซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ส่วนโทษคงเดิม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองในชั้นนี้ว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนตามฟ้องหรือไม่ข้อนี้โจทก์มีร้อยตำรวจเอกกมล ปั้นศิริ และนายดาบตำรวจยงยศ ศิริคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมจำเลยทั้งสองมาเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า ก่อนจับกุมเห็นจำเลยทั้งสองกำลังแบ่งเฮโรอีนจากหลอดพลาสติกใส่ในหลอดกาแฟท่อนสั้น ๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว จำเลยทั้งสองนำสืบเจือสมว่าขณะที่จำเลยทั้งสองกำลังแบ่งเฮโรอีนจากหลอดใหญ่บรรจุในหลอดกาแฟ ท่อนสั้น ๆก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ปรากฎว่าของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้ในขณะที่จับกุมจำเลยทั้งสองนั้นมีเฮโรอีนบรรจุในหลอดกาแฟประมาณ 1 ใน 5 ของหลอด บรรจุในหลอดกาแฟท่อนสั้น ๆ ยาวประมาณ 1 นิ้วจำนวน 12 หลอด หลอดกาแฟเปล่า 5 หลอด กรรไกร 1 อัน เทียนไข 1 เล่มและไม้ขีดไฟ 1 กลัก ในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพในข้อหาผลิตเฮโรอีน ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมายจ.1 และตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเอกสารหมาย จ.2 และจ.3 ตามลำดับ และรับสารภาพด้วยว่า จำเลยทั้งสองได้แบ่งบรรจุเฮโรอีนจากหลอดใหญ่ใส่ในหลอดเล็กเพื่อนำออกจำหน่าย ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองปรากฎว่า ร้อยตำรวจโทวุฒิพงษ์พนักงานสอบสวนซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยทั้งสองด้วยได้สอบสวนจำเลยทั้งสองในวันจับกุมนั้นเองเพียงครั้งเดียว โดยแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองในขณะเดียวกันว่า ร่วมกับพวกผลิตและมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ข้อพิรุธว่าพนักงานสอบสวนจะพิมพ์ข้อหาเพิ่มเติมอีกในภายหลังก็ไม่มี ที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนเพิ่มเติมแก่จำเลยทั้งสองนั้น จึงเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย ไม่อาจหักล้างคำให้การชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.2และ จ.3 ได้ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในข้อหาร่วมกับพวกผลิตและมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองทราบแล้วในขณะเดียวกัน และที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งเฮโรอีนจากหลอดใหญ่ใส่หลอดเล็ก เพื่อความสะดวกในการเสพและนำติดตัวแม้หากจะฟังตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบก็ถือได้ว่าการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนจากหลอดใหญ่ใส่หลอดกาแฟที่ตัดเป็นท่อนสั้น ๆ นั้นเป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ซึ่งให้นิยามคำว่า “ผลิต” หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพเปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย ดังนั้น ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนจึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 โดยมิได้ระบุวรรคนั้น ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share