แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา บัดนี้ จำเลยได้ปฏิบัติตาม คำพิพากษาของศาลครบถ้วนแล้ว โดยได้เลิกประกอบ กิจการอู่ซ่อมรถยนต์ที่บ้านเลขที่ 29/1 ซอยจิตต์ภักดีถนนสุขาภิบาล1แขวงคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และไม่มีบุคคลใด ๆ ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว จำเลยจึงขอให้ ศาลได้โปรดมีคำสั่งยกเลิก เพิกถอนคำสั่งศาลที่ให้ กักขังจำเลย และปล่อยตัวจำเลยพ้นจากการควบคุมตัว ต่อไป และขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องออกไปตรวจสถานที่ประกอบกิจการ อู่ซ่อมรถยนต์ที่บ้านดังกล่าว เพื่อทำรายงานประกอบการ พิจารณาคดีด้วย ทั้งนี้จำเลยพร้อมที่จะพาเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทุกคนไปตรวจสอบสถานที่ได้ตลอดเวลาโปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยประกอบกิจการค้าประเภทซ่อมเครื่องยนต์ พ่น สีเครื่องยนต์ เพื่อการค้า อันเป็นการค้าที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็น อันตรายแก่สุขภาพ และเป็นการค้าควบคุม โดยมิได้ รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 50 บาท และห้ามจำเลยประกอบการค้าตามฟ้องจนกว่า จะได้รับอนุญาต ต่อมาโจทก์ร้องว่าจำเลยยังคง ประกอบกิจการซ่อมเครื่องยนต์ พ่น สีรถยนต์เพื่อการค้า ในสถานที่ดังกล่าวมาโดยตลอด ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของศาลที่ห้ามไว้ ขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยหยุดประกอบกิจการ ตามคำสั่งของศาลแล้ว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่าจำเลยยังคงประกอบ กิจการซ่อมเครื่องยนต์เคาะพ่น สีรถยนต์อยู่ ณ ที่เดิม เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล มีคำสั่งให้ กักขังจำเลยไว้จนกว่าจำเลยจะปฏิบัติตามคำพิพากษา แต่ไม่ให้เกินกว่า 1 ปี ให้เบิกตัวจำเลยมาสอบถามทุก 15 วัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กักขังจำเลยมีกำหนด6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่ง ศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา (อันดับ 29)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 74)
จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งใน ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา(อันดับ 14,51 แผ่นที่ 3 และ 66)
คำสั่ง
ตามคำร้องของ จำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษา เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่งจึงให้คืนคำร้องของ จำเลยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ