แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกล่าวว่า ‘คดีโจทก์ไม่มีมูลพอ’ นั้นเท่ากับว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพอที่ศาลจะรับไว้พิจารณาจึงไม่มีข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยแต่อย่างใดการฟังหรือไม่ฟังข้อเท็จจริงใดอยู่ในอำนาจของศาลที่จะ พิจารณาชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้น ข้อโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลว่ามิได้ฟังพยานเอกสารซึ่งโจทก์อ้างขึ้น มาประกอบการวินิจฉัยกับคำเบิกความของโจทก์นั้น เมื่อศาลล่างทั้ง สองวินิจฉัยต้องกันว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล โดยอาศัยพยานหลักฐานในท้องสำนวนรวมทั้งเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ว ฎีกาโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงส่วนที่ศาลชั้นต้นกล่าวถึงคดีที่เกี่ยวข้องว่ายังไม่ถึงที่สุดนั้น เป็นข้อประกอบการวินิจฉัยข้อเท็จจริงด้วยเท่านั้น หาใช่ เป็นองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายไม่ดังนั้นข้อโต้แย้งของโจทก์ ที่ว่าคดีดังกล่าวจะยังไม่ถึงที่สุด ความผิดของจำเลยก็ครบองค์ ความผิดตามกฎหมายแล้วจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน