แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงข้อ ก.รับเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายในข้อ ข.
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ ก. ที่ศาลชั้นต้นไม่รับนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่พิพาท และกรณีที่จำเลยฎีกามานั้น ไม่ใช่ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ คดีนี้เป็นคดี ไม่มีทุนทรัพย์ จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ในข้อ ก.ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 111)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคืนการให้โดยให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 18364 ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์จังหวัดสุรินทร์ ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 104)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคืนการให้โดยให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทตามฟ้องให้โจทก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์แม้จำเลยจะฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาท ก็หาทำให้กลายเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไปได้ไม่ เมื่อราคาทรัพย์พิพาทไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้าม ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อ ก. ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง