คำสั่งคำร้องที่ 351/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีอำนาจตรวจคำฟ้องคำให้การ เมื่อข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย ศาลใช้ดุลพินิจแล้วมีคำสั่งดังกล่าวได้ การที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยซึ่งค้างชำระ 5 ปี รวมเป็นเงิน 47,250 บาทให้แก่โจทก์และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน27,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง มีคำสั่งไม่รับฎีกา

โจทก์ยื่นคำร้องว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อกฎหมายคือศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความโดยมิได้สืบพยานนั้นชอบหรือไม่ และจำเป็นหรือไม่ที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานก่อนมีคำพิพากษาในประเด็นอายุความ

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “ศาลชั้นต้นมีอำนาจตรวจคำฟ้องคำให้การเมื่อข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานอีกต่อไป จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียศาลใช้ดุลพินิจแล้วมีคำสั่งดังกล่าวได้ การที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง”

Share