แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจ่ายเงินสินบนและรางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตามพ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3)2490 มาตรา 3 นั้น ถ้าศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียว แม้จะได้ประมูลขายของกลางที่ถูกริบเป็นเงินมาแล้วก็ตามก็ไม่มีทางที่จะสั่งจ่ายเงินค่าสินบนและรางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับได้เพราะผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกปรับก็ไม่มีทางจะคำนวณแบ่งส่วนมาจ่ายเป็นค่าสินบนและรางวัลให้ได้
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความตามโจทก์ฟ้องและจำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยนำโค 10 ตัวราคา 3,910 บาท เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิให้พนักงานศุลกากรตรวจ ไม่ยื่นใบขนสินค้า โคดังกล่าวเป็นสัตว์ต้องห้ามนำเข้าโคของกลางได้ประมูลขายไปแล้วเป็นเงิน 3,910 บาท นายประชุมเป็นผู้แจ้งความนำจับ ขอให้ลงโทษและขอให้จ่ายสินบนและรางวัลจากเงินที่ศาลสั่งริบหรือจากเงินค่าปรับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. 2482 มาตรา 9 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกนอกฯ (ฉบับที่ 3) 2490 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลย6 เดือน ลดตามมาตรา 59 กึ่งคงจำคุก 3 เดือน ของกลางริบ เนื่องจากศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียว จึงให้ยกคำขอจ่ายเงินสินบนกับรางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับเสีย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จ่ายเงินสินบนและรางวัลตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้จ่ายเงินค่าสินบนและรางวัลจากเงินที่ขายของกลางได้ แต่ปรากฏว่านำส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาให้จำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) 2490 มาตรา 3 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและรางวัลไว้ว่า ให้แบ่งจ่ายจากค่าปรับสี่ส่วนในห้า ถ้าผู้กระทำผิดถูกลงโทษปรับแล้วไม่ชำระค่าปรับ จึงให้จ่ายจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดของกลาง พึงเห็นได้ว่าถ้าผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษปรับก็ไม่มีทางจะคำนวณแบ่งส่วนมาจ่ายเป็นค่าสินบนและรางวัลให้ได้ คดีนี้ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียว ซึ่งโจทก์ก็เห็นชอบด้วยเช่นนี้คำขอของโจทก์ที่ให้จ่ายเงินสินบนและรางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับย่อมตกไป
พิพากษายืน