คำสั่งคำร้องที่ 342/2519

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของอันแท้จริง มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ดังบัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36นั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ผู้ร้องก็ฎีกาได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลจังหวัดแม่สอดพิพากษาลงโทษจำเลยและริบไม้กับรถยนต์ของกลางรถยนต์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง จำเลยนำรถนั้นไปใช้โดยผู้ร้องไม่ทราบ ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยขอให้สั่งคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้อง เพราะเห็นว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ผู้ร้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของอันแท้จริง มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ดังบัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 นั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วจึงให้รับฎีกาผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป”

Share