แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ไม่รับฎีกา ของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ประเด็นข้อพิพาทของคดีนี้ เป็นการโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครองหรือความเป็นเจ้าของในที่ดินของโจทก์และจำเลยทั้งสี่ ซึ่งคดีของโจทก์มีประเด็นสำคัญเกี่ยวเนื่องด้วยความสงบสุข ความเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน และเป็นคดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ อันเกี่ยวด้วยกับการขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ด้วย จึงชอบที่จะได้รับการพิจารณาวินิจฉัยจากศาลสูง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ส่วนจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง (อันดับ 158,161 และ 162)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสี่พร้อมบริวารออกไป จากที่ดินของโจทก์ห้ามจำเลยทั้งสี่และบริวารเข้าเกี่ยวข้องต่อไป ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ปีละ 8,400 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสี่ และบริวารจะไม่เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 150)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 153)
คำสั่ง
ฎีกาโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2ที่ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนที่โจทก์รับโอน น.ส.3 ก. จากนางมยุรี เป็นปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง