คำสั่งคำร้องที่ 316/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ไม่รับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามกฎหมายหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 106 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,360 ลงโทษตามมาตรา 360อันเป็นบทหนักจำคุกมีกำหนดคนละ 1 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนดคนละ 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2คนละ 9 เดือน เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสาม คงเหลือจำคุกคนละ 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 104)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 105)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองได้รื้อถนนสาธารณะ เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,360 ลงโทษตามมาตรา 360ซึ่งเป็นบทหนัก เมื่อลดโทษให้แล้วคงจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง เมื่อลดโทษให้แล้วคงจำคุกคนละ 6 เดือน เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ที่จำเลยทั้งสองฎีกาข้อ 2.1 ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ การกระทำของจำเลยเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 เพราะถนนพิพาทไม่มีผู้ใช้และหมดประโยชน์ จำเลยทั้งสองเข้าใจว่ารื้อได้ แต่สภาพของถนนยังคงเป็นถนนอยู่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาข้อ 2.2 ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยทั้งสองหาได้กล่าวอ้างขึ้นไม่ จึงเป็นฎีกาที่พิจารณาละฎีกาข้อ 2.3 ที่ว่าโจทก์นำสืบไม่ครบองค์ความผิด เป็นการโต้เถียงในข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share