แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีต้องห้าม ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยคลาดเคลื่อนจากพยานหลักฐานในสำนวน การสอบสวนของพนักงานสอบสวนกระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ร่วมกับนายบุญปั๋นเทพธานี ผู้เสียหายที่ 1 มิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาด้วย หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างพิจารณา นางนงลักษณ์ ประกอบบุญ ผู้เสียหายที่ 2ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(4),268 วรรคสอง ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม จำคุก 3 ปี โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่า ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 1356/2534 ของศาลนี้แล้ว นับโทษต่อไม่ได้ ยกคำขอส่วนนี้ ตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นทรัพย์ที่ใช้ ในการกระทำความผิด ให้ริบ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน แต่ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 2177/2535 ของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 78) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน คลาดเคลื่อนนั้น แท้จริงฎีกาดังกล่าวเป็นการโต้แย้งดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นปัญหา ข้อเท็จจริง และที่ฎีกาว่าโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 1 เป็นผู้เสียหายหรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังว่าจำเลย ปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหายที่ 1 ลงในตั๋วแลกเงินของกลาง ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงยังสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือ ชื่อปลอมหรือไม่ โจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 1 จึงมิใช่ ผู้เสียหาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ส่วนที่ในคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาอ้างว่าการสอบสวนชอบด้วย กฎหมายหรือไม่นั้น ปรากฏว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่าไว้ ในฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จึงชอบแล้ว ยกคำร้อง