คำสั่งคำร้องที่ 2857/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกาฉบับลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2533 ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะจำเลยหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ทั้งยังโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกาต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 จำเลยยื่นฎีกาอีกฉบับหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่มีข้อความทำนองเดียวกันและซ้ำซ้อนกับฎีกาฉบับลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2533 ซึ่งศาลมีคำสั่งไม่รับไปแล้ว เพราะเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลและเป็นการหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อนำสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาฉบับแรกของจำเลยอ้างว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริง จำเลยก็มีสิทธิยื่นฎีกาฉบับที่สองอันเป็นข้อกฎหมายภายในอายุความฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาฉบับที่สองของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก2 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาฉบับแรกลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2533 และฉบับที่สองลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาทั้งสองฉบับดังกล่าว (อันดับ 38,39 แผ่นที่ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 40)

คำสั่ง
แม้จำเลยมีสิทธิยื่นฎีกาฉบับที่สองได้ภายในกำหนดอายุฎีกาก็ดีแต่ฎีกาฉบับที่สองดังกล่าวของจำเลยก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วจึงให้ยกคำร้อง

Share