คำสั่งคำร้องที่ 2770-2772/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา เชื่อว่าศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์อย่างแน่นอน โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 แถลงคัดค้าน (อันดับ 322)
คดีทั้งสามสำนวน ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด เนรมิตขนส่ง ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่ 1 ในสำนวนที่ 3 และเป็นจำเลยที่ 1 ในสำนวนที่ 2 ว่าโจทก์ที่ 1 นายหงวนว่องไวกิจไพศาล ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในสำนวนที่ 2 ว่าโจทก์ที่ 2 นายสุเทพ ว่องไวเจริญสุข ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในสำนวนที่ 2 ว่าโจทก์ที่ 3 องค์การเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนที่ 1 และในสำนวนที่ 3 ว่าจำเลยที่ 1 และธนาคาร กสิกรไทย ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 ระหว่างพิจารณา นายหงวนว่องไวกิจไพศาล โจทก์ที่ 2 และในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด เนรมิตขนส่งโจทก์ที่ 1 ถึงแก่กรรม นายบุญปิ่นว่องไวกิจไพศาลยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด เนรมิตขนส่งโจทก์ที่ 1 ขอเข้าเป็นโจทก์แทนโจทก์ที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในสำนวนที่ 1 และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสำนวนที่ 2 ร่วมกันรับผิดใช้เงิน1,715,871.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน1,479,049.30 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์สำนวนที่ 2 และให้ไถ่ถอนที่ดินโฉนดที่ 10660,7279 และ7283 ตำบลทุ่งวัดดอนอำเภอยานนาวา(บางรัก)นครหลวงกรุงเทพธนบุรีและโฉนดที่ 681 ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง (เมือง) จังหวัดนครเขื่อนขันธ์ (สมุทรปราการ) พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างไปจากโจทก์สำนวนที่ 2 ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน 1,715,871.12 บาท ในจำนวนเงิน 584,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในจำนวนเงิน 584,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์สำนวนที่ 2 และให้ไถ่ถอนที่ดินโฉนดที่ 7491 ตำบลยานนาวา (บ้านทวาย) อำเภอยานนาวา(บางรัก) นครหลวงกรุงเทพธนบุรี และโฉนดเลขที่ 10659 ตำบลทุ่งวัดดอน(บ้านทวาย) อำเภอยานนาวา (บางรัก) กรุงเทพมหานครพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างไปจากโจทก์สำนวนที่ 2 หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์สำนวนที่ 2 ให้ยึดทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้ให้แก่โจทก์สำนวนที่ 2 หากขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้แก่โจทก์สำนวนที่ 2ก็ให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์สำนวนที่ 2 จนครบถ้วน กับพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในสำนวนที่ 3
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ในสำนวนที่หนึ่ง (คดีหมายเลขแดงของศาลแพ่งที่ 19612/2528) ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 1,378,098.53บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวทั้งนี้นับแต่วันผิดนัด (วันวางบิล) ในแต่ละงวดจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ที่ 1 ในสำนวนที่สอง (คดีหมายเลขแดงของศาลแพ่งที่19613/2528) ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในสำนวนที่สาม (คดีหมายเลขแดงของศาลแพ่งที่ 19614/2528) คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างฎีกา (อันดับ 318,317)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 319)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา

Share